เนื่องจากสินค้าอาหารทะเลหรืออาหารสัตว์ที่ไทยยูเนี่ยนจำหน่ายในประเทศสหรัฐฯ ไม่ได้อยู่ภายใต้ GSP ดังนั้นมาตรการที่ประกาศในครั้งนี้ จึงไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยน
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "การประกาศมาตรการจาก USTR ครั้งนี้ ไม่ได้มีผลกระทบใดๆ ต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท" นอกจากนี้ ไทยยูเนี่ยนยังคงมุ่งมั่นทำงานกับรัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกเพื่อปรับปรุงเรื่องสิทธิแรงงานในห่วงโซ่อุปทานระดับโลก นายธีรพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า "ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนได้ประกาศกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน หรือ SeaChange(R) ซึ่งเป็นการรวบรวมแนวคิดริเริ่มต่างๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันและสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกในอุตสาหกรรมประมงทั่วโลก และหนึ่งในเสาหลักสำคัญของ SeaChange(R) คือความมุ่งมั่นในเรื่องสิทธิแรงงาน โดยแรงงานของเราต้องมีการจ้างงานที่ปลอดภัย ถูกกฎหมาย และมีเสรีภาพในการเลือกงานตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานขององค์กร ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของไทยยูเนี่ยนที่มุ่งมั่นจะเป็นผู้นำทางด้านอาหารทะเลที่น่าเชื่อถือที่สุดระดับโลก"
ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ไทยยูเนี่ยนได้รับการจัดอันดับจากดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ เป็นอันดับ 1 กลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอาหารของโลก เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน อีกทั้งได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน โดยไทยยูเนี่ยนประสบความสำเร็จอย่างมากจากการได้คะแนนสูงสุดที่ 100 เปอร์เซ็นไทล์ ในด้านความยั่งยืนโดยรวม รวมถึงได้รับคะแนนสูงสุดในหัวข้อ จรรยาบรรณธุรกิจและแนวปฏิบัติด้านแรงงาน การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน และสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ไทยยูเนี่ยน ยังได้รับการจัดอันดับโดยดัชนี Seafood Stewardship Index (SSI) เป็นอันดับที่ 1 จาก 30 บริษัทด้านอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดทั่วโลก อีกทั้ง ดร.แดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมกิจการองค์กรและความยั่งยืนขององค์กร ยังได้รับรางวัลฟรีดอม อวอร์ด ออสเตรเลีย จากความพยายามต่อสู้เรื่องแรงงานทาสยุคใหม่ในอุตสาหกรรมอาหารทะเล เมื่อเร็วๆ นี้
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit