นายมานิต โกการ์ ผู้อำนวยการ บริษัท คาร์โร (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยทิศทางธุรกิจภาพรวมที่ผ่านมา ว่า Carro Thailand เป็นบริษัทที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เราเติบโตขึ้นจากปี 62 กว่า 4 เท่าตัว ซึ่งสาขาที่ประเทศไทยนั้นนับว่าเติบโตสูงหากเปรียบเทียบกับคู่แข่ง จึงทำให้เรามีพนักงานเพิ่มขึ้นกว่า 100 ชีวิต และยังขยายสำนักงานให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ทุกภูมิภาคของไทย เพื่อทำให้การทำงานของเรามีระบบที่รวดเร็วและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่ง ณ ปัจจุบัน Carro ทั่วโลกมีสาขาอยู่ 4 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ (HQ) อินโดนีเซีย มาเลเซีย และประเทศไทย Carro จัดว่าเป็นตลาดค้าส่งยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้รับความเชื่อมั่นจากกลุ่มนักลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพสูงมาก เมื่อเทียบกับธุรกิจสตาร์ทอัพเจ้าอื่น Carro ถือว่า เปิดตัวได้ไม่นาน แต่ก็กวาดเงินลงทุนไปหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐแล้ว และสำหรับครึ่งปีหลังนี้ เรายังคงมุ่งเน้นและพัฒนาการให้บริการการซื้อและขายรถมือสองในรูปแบบออนไลน์ที่ดีที่สุด พร้อมวางแผนและพัฒนาระบบการขายในด้านของลูกค้าบ้าน หรือ รถบ้านทั่วไป (C2B) และเรายังคงมุ่งมั่นให้ราคาที่ดีที่สุด เพื่อตอบความต้องการของลูกค้าที่เชื่อใจ และมั่นใจมาขายรถกับ Carro รวมไปถึงการพัฒนาแอพพลิเคชั่น สำหรับตอบสนองลูกค้าดีลเลอร์ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการซื้อขายกับดีลเลอร์ทั่วประเทศ และดีลเลอร์ยังมั่นใจได้เลยว่ารถในระบบของ Carro นั้นมีคุณภาพ ราคาดี พร้อมจบ ซึ่งจะอำนวยความสะดวกในการซื้อของดีลเลอร์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งการพัฒนานี้ คือสอดคล้องไปกับแนวคิด จึงทำให้เรามองเห็นความต้องการของดีลเลอร์ที่ต้องการเข้ามาร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ Carro ว่าเขาต้องการจัดการหรือแก้ไขอะไรบ้าง และปัจจุบัน Carro ประเทศไทย ได้มีการขยาย เพิ่มเติมในส่วนของสำนักงานประจำสาขาต่างจังหวัด โดยปัจจุบันเรามีสำนักงานครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคทั้งหมด 12 สาขา ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, สกลนคร, ขอนแก่น, อุบลราชธานี , อุดรธานี , นครราชสีมา, พิษณุโลก, เชียงใหม่, สุราษฏร์ธานี, ภูเก็ต, หาดใหญ่ และชลบุรี โดยเรามีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในด้านรถยนต์ที่พร้อมให้บริการรองรับลูกค้าทั่วประเทศ ครอบคลุมทุกภูมิภาคและพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงต่างๆ ทั้งในการประเมิณราคาเบื้องต้น และประสานงานอำนวยความสะดวกทุกขั้นตอนในการขายรถให้กับลูกค้าทุกท่าน
นอกจากนี้ เรายังเร่งกลยุทธ์ในด้าน Branding มากยิ่งขึ้น โดยก่อนหน้านี้เราเน้นการสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าในกรุงเทพเป็นหลัก และช่วงกลางปี 62 เราเริ่มกระจายไปยังกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น โดยสัดส่วนการใช้เม็ดเงินลงทุนด้านการตลาดออนไลน์ประมาน 80% ซึ่งนับว่าได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด มีคนรู้จักมากขึ้น จึงทำให้เราสามารถขยายตลาดได้ไว และสามารถแบ่งส่วนการตลาดเข้ามาเป็นอันดับ top 3 ของวงการซื้อขายรถยนต์มือสองในประเทศไทย ซึ่งปี 62 นี้ เราคาดว่าจะสามารถจบยอดรถที่เข้ามาใช้บริการได้มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท และคาดว่าปี 63 เราจะโตขึ้นอีกราวๆ 2 เท่าตัว
ด้าน นางสาวฐปณีย์ จ๋วงพานิช ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท คาร์โร (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมในส่วนแผนการตลาดว่า "สำหรับแผนของปี63 เรามีจุดมุ่งหมายที่จะขยายธุรกิจโดยการพัฒนาและเพิ่มการบริการเพิ่มเติม เช่น การบริการรับซื้อซากรถที่เราเริ่มขึ้นมาแล้วในปีนี้ และได้รับผลตอบรับดีกว่าเป้าที่เราคาดไว้ หรือแม้กระทั่งการช่วยเหลือด้านสินเชื่อให้กับดีลเลอร์เพื่อทำให้การซื้อและขายรถยนต์มือสองคล่องตัวมากยิ่งขึ้น เพื่อทำให้ Carro เป็นศูนย์กลางของการซื้อ-ขายรถยนต์มือสองให้สะดวกง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้เรายังมีเป้าหมายที่จะก้าวมาเป็นพาร์ทเนอร์หลักของดีลเลอร์รถยนต์ทั่วประเทศ ถึงแม้ในปัจจุบันเรามีดีลเลอร์อยู่ในมือกว่า 1,000 เจ้าทั่วประเทศ อีกทั้งเรายังมุ่งมั่นสร้าง Brand ให้แข็งแรงเพื่อที่จะก้าวขึ้นเป็นที่1 ในตัวเลือกแรกของลูกค้าทั่วไป ที่หากนึกถึงบริการเกี่ยวกับรถยนต์ ก็จะนึกถึง Carro เป็นที่แรก ที่สำคัญเรามีตลาดรองรับการซื้อซากรถของลูกค้าได้อย่างแน่นอน และนอกเหนือจากบริการใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นแล้ว อีกจุดเด่นหลักๆของเรา คือการเน้นให้การบริการที่รวดเร็ว พร้อมจบการขายภายใน 24 ชั่วโมง และเราโปร่งใสทุกขั้นตอน พร้อมให้ลูกค้าได้รับเงินสดทันที ซึ่ง Carro เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ให้บริการรวดเร็วที่สุดในตลาด เพราะเราเป็นบริษัท Tech company ซึ่งหมายความว่า ระบบการบริการและระบบหลังบ้านเรามีความเสถียร และสามารถรองรับการบริการทั้งในด้านลูกค้าบ้านทั่วไป และ ลูกค้าดีลเลอร์ได้อย่างเต็มที่ จึงทำให้เราแตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจน และเป้าที่เราวางไว้ว่าเราจะเติบโตขึ้นจากปีนี้ ก็ไม่ไกลเกินคาด
นางสาวฐปณีย์ กล่าวต่อ ว่า "ในส่วนงบประมาณด้านการตลาดของประเทศไทย ที่ผ่านมาเราลงทุนการตลาดออนไลน์เป็นอย่างมาก ซึ่งคิดสัดส่วนการลงทุนทางด้านออนไลน์คือ 80% ของการตลาดทั้งหมด และที่สำคัญเรามีกลยุทธ์การตลาดใต้น้ำ คือ เน้นความมั่นใจ เชื่อใจ และไว้ใจในระยะยาว โดยเราเน้นการสื่อสารการตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าทั่วไป หรือบุคคลที่ต้องการขายรถบ้านมากกว่า 70% และยังคงมีการสื่อสารไปยังกลุ่มองค์กร ดีลเลอร์ประมาณ 30% โดยช่องทางการสื่อสารของเราจะมุ่งทั้งทางด้านสื่อ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ อีกทั้งยังต้องการขยายไปยังกลุ่มพันธมิตรของเราเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องด้วย และเพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์อย่างสม่ำเสมอ"
นายมานิต โกการ์ กล่าวเสริมตอนท้ายว่า "เป้าหมายของ Carro ในอีก 2 – 3 ปีข้างหน้า เราคาดหวังที่จะเติบโตไปเป็นอันดับหนึ่งของธุรกิจรถยนต์มือสองในรูปแบบครบวงจรและเป็นตัวช่วยที่แรกที่ คนไทยนึกถึงด้านรถยนต์มือสอง รวมถึงขยายพื้นที่สำนักงานให้คลอบคลุมมากยิ่งขึ้น และพร้อมขึ้นเป็น Top of mind ของคนไทย ไม่ว่าผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปขนาดไหน เราก็พร้อมที่จะรองรับไลฟ์สไตล์ของคุณอย่างรอบด้าน และเรายังเชื่อมั่นว่าการขายรถยนต์มือสองในรูปแบบออนไลน์อย่าง Carro จะตอบสนองความไลฟ์สไตล์ของคุณรุ่นใหม่ และสามารถเปลี่ยนความรู้สึกคนไทยได้ว่า การขายรถไม่ได้ยากและเสี่ยงอย่างที่คุณเคยรู้จัก เพราะ Carro จะทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่าทุกขั้นตอนโปร่งใส่ และทำให้รถของคุณขายได้ราคาดีทีสุดอย่างที่คุณต้องการ"
ข้อมูลเพิ่มเติม
คาร์โร (https://th.carro.co) เริ่มต้นจากธุรกิจสตาร์ทอัพในสิงคโปร์ เมื่อปี 2559 และมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีสาขาทั้งใน สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และประเทศไทย ซึ่งได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ขายรถบ้านเป็นอย่างสูง และในปี 2561 ที่ผ่านมา Carro สามารถทำธุรกรรมรถยนต์ ได้ทั้งหมดรวมมูลค่ากว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเดือนพฤษภาคม 61 ที่ผ่านมา คาร์โร ได้รับเงินลงทุนสนับสนุนจาก Series B (กลุ่มผู้ลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ) ถึง 60 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ เพื่อดำเนินงานและขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน เพิ่มขีดความสามารถในการขยายการให้บริการธุรกิจรถมือสอง ให้ครอบคลุมทั้งใน ASEAN ด้วยการเข้าซื้อกิจการ Jualo.com ในประเทศอินโดนีเซีย รวมไปถึงใน MyTukar บริษัท Startup ด้านรถมือสองจากประเทศมาเลเซีย ด้วยเงินลงทุนมากถึง 30 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (หรือประมาณ 125.4 ล้านริงกิตมาเลเซีย) และได้รับประกาศจากตลาดค้าส่งยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่าบริษัทได้ระดมทุนเพิ่มจาก Series B+ อีก 30 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 นี้ Carroได้รับเงินสนับสนุนกว่า 100 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐbitly : http://bit.ly/320OZCK
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit