ซึ่ง อัลลี ( Ali) มีศรัทธาในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมด้วยคุณค่าบริสุทธิ์ของธรรมชาติและภูมิปัญญาไทย เพื่อคืนสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ จึงพิถีพิถันลงรายละเอียด ตั้งแต่การปลูกวัตถุดิบ การคัดสรรส่วนประกอบที่ดีที่สุด การผลิต ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ ที่อ่อนโยนต่อผู้ใช้ จึงมั่นใจ ได้ว่าผลิตภัณฑ์ธรรมชาติของ อัลลี (Ali) ปราศจากการแต่งเติมสารเคมีต่างๆ ที่เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการระเคืองผิวของผู้ใช้ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ คงคุณค่าความบริสุทธิ์ตามธรรมชาติได้อย่างแท้จริง
โดย คุณรติวัลคุ์ ธนาธรรมโรจน์ เผยว่า "ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ กับการดำเนินธุรกิจของบริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด ภายใต้ปณิธานที่คุณแม่ (คุณจำนรรค์ ศิริตัน หนุนภักดี) และคุณต้น (คุณลาวัลย์ กันชาติ) ตั้งไว้ว่าจะสร้างสังคมที่ดีด้วยพลังของสื่อที่อยู่ในมือเรานั้น รุ่นลูกก็ยังคงสืบสานปณิธานนั้นมาอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาต่อยอดสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงบวกกับสิ่งที่เราสนใจคือเรื่องสุขภาพ จึงเป็นที่มาของการเริ่มธุรกิจใหม่กับพันธมิตรที่มีความชำนาญในด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็น พสุธารา กับการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ภายใต้แบรนด์ใหม่ ชื่อ อัลลี่ ( Ali) ที่เราได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการวันนี้ นอกจากนั้นเราก็มีการขยายเข้าสู่เรื่องของอาหารและการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมหรือOptimal Health ภายใต้ชื่อ Sukina ซึ่งเป็น แพลตฟอร์ม ให้ความรู้เรื่องอาหารบำบัดโรคที่ถูกต้องและทันสมัยที่สุดของยุคนี้อีกด้วย
ซึ่งจริงๆแล้วก่อนหน้านี้แพรมีปัญหาเรื่องสุขภาพที่สะสมมานานหลายปีค่อนข้างหนัก คุณหมอบอกว่าภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติมากหรือภูมิคุ้มกันเพี้ยน ทำให้ผมร่วง ร่างกายอ่อนแอ ป่วยง่าย ร่างกายอักเสบ สาเหตุหลักๆเกิดจากการบริโภคอาหาร การใช้ชีวิตประจำวันที่เร่งรีบ พักผ่อนไม่เพียงพอ และการรับเอาสารพิษต่างๆเข้าสู่ร่างกาย แพรรับการรักษากับคุณหมอ โดยทานยาอยู่นานแต่ก็ไม่หายขาด จึงหันมารักษาตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติทั้งหมดคือการทำกายภาพบำบัดปรับสมดุลเลือดลมในร่างกายเลือกรับประทานอาหารออร์แกนิก พักผ่อนให้เพียงพอทุกวันและใช้ผลิตภัณฑ์ที่ ปลอดสารเคมีให้มากที่สุด ใช้เวลาในการฟื้นฟูระยะหนึ่งแต่กลับได้ผลดีเกินคาดคือกลับมาแข็งแรงแบบยั่งยืน
ด้วยเหตุนี้จึงเห็นว่าชีวิตที่มีความสุขนั้นต้องมาจากสุขภาพที่ดีก่อน พอสุขภาพดี เราก็จะสามารถสร้างสรรค์งาน ที่ดีให้ออกไปช่วยคนอื่นได้ และปัจจุบันคนสนใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น จึงอยากแบ่งปันประสบการณ์ดีๆเหล่านี้ ออกไปสู่ผู้คนให้ได้รับประโยชน์จากตรงนี้ให้ได้มากที่สุด แพรจึงได้ตัดสินใจร่วมมือกับพสุธารา สร้างแบรนด์ อัลลี ( Ali) ขึ้น เพราะหลังจากที่ได้รู้จักกับคุณอ้อย ดรุณี วัฒน์นครบัญชา เจ้าของพสุธาราที่ป่วยคล้ายๆกันและรักษาด้วยวิธีธรรมชาติจนหายเป็นปกติ ซึ่งครอบครัวแพรก็ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของพสุธารามาปีกว่าๆจนชอบและมั่นใจในคุณภาพ เราเกิดความศรัทธาใน วิธีคิด วิธีใช้ชีวิตและคุณภาพของสินค้าที่ผลิตด้วยความรักที่อยากส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีให้ผู้อื่น เพราะเรามีแนวคิด ความตั้งใจ และความหลงไหลไปในทางเดียวกัน คือคิดดี ทำดี และแบ่งปัน อีกทั้งต้องการสื่อสารและสร้างช่องทางให้ผู้บริโภคเป้าหมายของเราทั้งคู่เหมือนกัน คือสร้างความสุขเปิดมุมมองที่งดงามให้กับชีวิต
ปัจจุบันในฐานะ อัลลี (Ali) มองว่าการทำธุรกิจใดๆให้ยั่งยืนนั้นต้องมาจากการทำสิ่งที่ดี ทำสิ่งที่เรารักก่อน แล้วคนจะมองเห็นเองว่าดีและอยากจะบริโภค เราจะไม่ทำสินค้าที่ตัวเราเองไม่ใช้เด็ดขาดมันเหมือนหลอกผู้บริโภคถ้าของเราดีเราต้องกล้าใช้เองและต้องหลงรักอย่างสุดหัวใจ ซึ่งเราไม่ได้ทำแค่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกายเท่านั้น แต่เราจะขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายในครัวเรือนและเครื่องสำอางค์ด้วยเช่นกัน โดยที่ผลิตภัณ์ของเราเน้นวัตถุดิบจากพืชที่สดและกระบวนการวิทยาศาสตร์ธรรมชาติที่คงความบริสุทธิ์ของวัตถุดิบไว้ให้มากที่สุด จึงทำให้มีราคาค่อนข้างสูง แต่เต็มไปด้วยคุณภาพ กลุ่มเป้าหมายจึงเน้นไปที่กลุ่มคนวัยทำงานและคนรักสุขภาพที่มีกำลังซื้อพอสมควร
ในส่วนของกลยุทธการตลาด เราต้องการสร้างภาพจำว่าเราคือ toxin-free solutions for urban lifestyle มีการสร้างพันธมิตรกับหลากหลายธุรกิจ(collaboration project) เช่น เราร่วมกับปักจิตปักใจ ธุรกิจเพื่อสังคมที่ไม่เพียงผลิตสินค้าโดยคนตาบอด แต่สร้างกำลังใจ รายได้ และเรื่องราวของความพยายามจากโลกมืดสู่สังคม ด้วยการร่วมกันจัดทำชุดสังฆทาน ธารใจบริสุทธิ์ ออกจำหน่ายช่วงออกพรรษานี้ นอกจากนั้นเราก็ยังจะมีการสร้างประสบการณ์ร่วม ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ให้เหมือนเพื่อนที่ดูแลกันและกัน เช่นมีการให้ความรู้ จัดทำเวิร์คช็อป เป็นต้น และเราก็ยังจะมีการขยายสู่ผู้แทนจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ และการเป็น ผู้รับผลิตผลิตภัณฑ์ (OEM) ให้กับธุรกิจโรงแรมสปาหรือโรงพยาบาล ที่ต้องการสินค้าปลอดสารเคมีต่อไปอีกด้วย ไม่เพียงเท่านี้ช่องทางการขายของเราจะเน้นไปที่e-commerce เป็นหลักเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคมักซื้อของทางออนไลน์ และที่สำคัญเราก็มีหน้าร้านที่ ศูนย์การค้ามิกซ์ จตุจักร ด้วย เพื่อรองรับกับกลุ่มลูกค้าที่อยากมีประสบการณ์ได้เข้าไปสัมผัสกับสินค้าจริงโดยตรง และเพื่อจับกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งตรงนี้จะไม่ใช่แค่ร้านขายสินค้าเท่านั้น แต่จะมีการจัดเวิร์คช็อปให้ลูกค้าสามารถมาเรียนรู้การทำผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเองแบบส่วนตัว นอกจากนี้ก็จะมีการจัดเสวนากลุ่มเล็กๆเรื่องอาหารและสุขภาพโดยSukina (โดยคุณเอื้อมพร แสงสุวรรณ NTP คนแรกของประเทศไทย) เราวางไว้ว่าที่นี่จะเป็นที่นัดพบของคนที่มีแนวคิดเหมือนกันเพื่อมาค้นหา สัมผัสและค้นพบความงามของชีวิตผ่านการใช้ชีวิตแบบ Ali and Friends แพรอยากให้คนรักอัลลี (Ali) อย่างที่เรารักและมองเราเป็นเหมือนเพื่อนที่คุณไว้ใจได้ที่จะช่วยพาคุณไปใช้ชีวิตแบบtoxin-free lifestyle ได้จริงๆค่ะ"
ด้านคุณปรมินทร์ วัฒน์นครบัญชา เผยว่า "จุดเริ่มต้นของพสุธารา มาจากคุณแม่ (คุณดรุณี วัฒน์นครบัญชา)ป่วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือ SLE แล้วดูแลตัวเองด้วยวิธีการธรรมชาติบำบัดจนสุขภาพดีขึ้นเป็นปกติ แล้วต้องการพัฒนาพื้นที่เพื่อประกอบธุรกิจให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและครอบครัว ในการสร้างแหล่งอาหารปลอดภัยสำหรับใช้เอง สร้างสถานที่ตากอากาศเพื่อหลบมลพิษ พักผ่อนและรับพลังงานจากธรรมชาติ จากวันนั้นที่แม่ทำเพื่อตัวเอง แม่พบว่าสิ่งที่แม่ทำสามารถส่งต่อประโยชน์สู่ผู้คนได้มากมาย ส่วนตัวผมนั้น คือ คนที่เติบโตมากับธรรมชาติ แม่ลงทุนให้ในการศึกษาสัตวแพทย์และให้โอกาสในการเลือกสร้างและสะสมรสนิยมในการใช้ชีวิต หนึ่งในความปรารถนาในการทำงานของผม คือการได้อยู่บนโลกที่ผู้คนเข้าใจในธรรมชาติ แล้วใช้พลังงานสร้างสรรค์ของเราในการสร้างโลกที่น่าอยู่ขึ้น พสุธารา จึงเป็นการประสานของความดีที่แม่ทำต่อผู้อื่นกับความฝันของผมที่จะส่งต่อโลกที่รื่นรมย์น่าอยู่สู่คนรุ่นถัดไป ด้วยหัวใจการ ทำงานที่ร่วมกับธรรมชาติธรรมชาติ และยังรวมถึงผู้คน ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เพื่อถ่ายทอดปราญช์แห่งความรู้เหล่านี้เป็นมรดกสู่คนรุ่นต่อไป
ซึ่งผมและคุณแม่ พบว่าโลกถูกขับเคลื่อนด้วยความเชื่อ ดังนั้นการเลือกพันธมิตรทางธุรกิจสำหรับเราจึงมากกว่าเรื่องผลประโยชน์แต่กลับคือการทำงานบนฐานความเชื่อเดียวกันรวมทั้งต้องเชื่อและศรัทธาซึ่งกันและกัน และเราโชคดีมากที่ได้พบและตัดสินใจร่วมกันกับ เจ เอส แอล ในการสร้างแบรนด์อัลลี (Ali) ขึ้นมา เพราะเราเชื่อในเรื่องเดียวกันว่า Life is beautiful โดยพสุธาราถนัดด้านการผลิตและออกแบบผลิตภัณฑ์ธรรมชาติส่วน เจ เอส แอล ถนัดด้านการสื่อสาร สิ่งดีงามออกไปสู่สังคม การร่วมมือกันครั้งนี้ จึงเป็นการทวีความเป็นไปได้จริงในการสร้าง toxin-free lifestyle สำหรับคนเมือง
ในส่วนของการผลิตผลิตภัณฑ์ อัลลี (Ali) เราเลือกใช้วัตถุดิบที่ส่วนหนึ่งมาจากกระบวนการปลูกด้วยวิถีอินทรีย์ จากแปลงผลิตวัตถุดิบของเราเอง บางส่วนนำมาจากเกษตรปลอดสารเคมีเพื่อนผู้ผลิตที่เป็นพันธมิตรกับเรา วัตถุดิบที่ได้จึงสดและใกล้เคียงกับคุณลักษณะจากต้นมากที่สุด แล้วใช้กระบวนการวิทยาศาสตร์คงความบริสุทธิ์ของวัตถุดิบไว้ ด้วยหัวใจในการส่งต่อของที่ดีสู่ผู้คน เราจึงมีจุดยืนในการเลือกวัตถุดิบที่จำเป็นและดีเท่านั้น ผลิตภัณฑ์ของเราจึงปราศจากวัตถุดิบใด ๆ ที่มีรายงานความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายในมนุษย์หรือในสิ่งแวดล้อม เช่น สารลดแรงตึงผิวกลุ่ม SLS, SLEs ซิลิโคน พาราเบน น้ำหอมสังเคราะห์ แล้วทดแทนด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นจากใช้น้ำมัน หอมระเหยทดแทนน้ำหอมสารกันบูด และสารคงสภาพจากสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กแทนผลผลิตจากปิโตรเลียม ทั้งนี้ยังคงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ธรรมชาติของเราให้ผู้ใช้ได้อย่างเต็มเปี่ยม และผลิตภัณฑ์ธรรมชาติทุกชนิดของเรา ถูกทดสอบ การเกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ด้วยมาตรฐานจากสถาบันของญี่ปุ่นเพื่อเป็นการรับรองเบื้องต้นในความปลอดภัย ต่อผู้ใช้
การที่คนได้รู้จักผลิตภัณฑ์ของอัลลี (Ali) แล้วได้ทดลองใช้ เป็นหนทางหนึ่งในการเชื่อมโยงผู้คนสู่สิ่งแวดล้อม สร้างความตระหนักว่าธรรมชาติเป็นความงดงาม เราคิดว่าโลกที่น่าอยู่ของเรา คือ การที่ผู้คนเข้าใจธรรมชาติ ก็หวังว่าผลิตภัณฑ์ธรรมชาติของ อัลลี (Ali) จะเป็นทางเลือกหลักในการใช้ชีวิตแบบ toxin-free ในชีวิตประจำวันสำหรับผู้คนได้ครับ"
ติดตามข้อมูลข่าวสารและความเคลื่อนไหวต่างๆของแบรนด์ อัลลี่ (Ali) ได้ผ่านทาง www.alinaturalliving.com หรือ www.facebook.com/alinaturalliving หรือ instsgram : alinatural.living และ Line@ : alinaturalliving
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit