'ซาบีน่า’ ปลื้มยอดขายกลุ่มประเทศ CLMV ไตรมาส 3 โต 102% ชี้เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัว 7% ปัจจัยหลักหนุนส่งออกพุ่ง

19 Nov 2019
"ซาบีน่า" เผยผลงานไตรมาส 3 ยอดขายสินค้าแบรนด์ "ซาบีน่า" ที่ส่งออกไปในกลุ่มประเทศ CLMV เป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญ โดยเฉพาะเวียดนามที่มีอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสูงถึง 7.1% ขณะที่การเปิดตัวคอลเลคชั่น "บอดี้ บรา" ที่มี "ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก" เป็นพรีเซนเตอร์ ได้รับกระแสตอบรับจากแฟนคลับเวียดนามคึกคักมาก ลั่นพร้อมเดินหน้าทำตลาดต่อเนื่อง
'ซาบีน่า’ ปลื้มยอดขายกลุ่มประเทศ CLMV ไตรมาส 3 โต 102% ชี้เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัว 7% ปัจจัยหลักหนุนส่งออกพุ่ง

นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดชั้นในแบรนด์ "ซาบีน่า" เปิดเผยว่า ปัจจัยสนับสนุนผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ของบริษัทฯ ส่วนหนึ่งมาจากยอดขายสินค้าแบรนด์ "ซาบีน่า" ผ่านช่องทางการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา และเวียดนาม) ที่เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 102% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตลาดสำคัญได้แก่ เวียดนาม ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาส 3 สูงถึง 7.1%

"ต้องยอมรับว่า เศรษฐกิจเวียดนามคึกคักมาก และผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูง ขณะที่สินค้าแบรนด์ซาบีน่า ทั้งดีไซน์และคุณภาพ รวมถึงราคา เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคเวียดนามอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ การที่เราเปิดตัวคอลเลคชั่นบราเกาะอก "บอดี้ บรา" โดยมีใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ เป็นพรีเซนเตอร์ ยิ่งกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคเวียดนามได้เป็นอย่างดี เพราะใบเฟิร์นมีแฟนคลับ ทั้งในเวียดนาม จีน และฟิลิปปินส์ ที่ติดตามโซเชียลของใบเฟิร์นเป็นจำนวนมาก เมื่อผนวกกับสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ก็ยิ่งทำให้เกิดการซื้อซ้ำเพิ่มขึ้น" นายบุญชัยกล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทฯ อาจจะไม่ได้รับปัจจัยบวกอย่างเต็มที่จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาท แต่ซาบีน่าก็ได้รับผลดีจากการปริมาณสินค้าที่ขายได้เพิ่มขึ้นและการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มประเทศ CLMV ที่ยังมีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจที่น่าพอใจ ขณะที่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นนั้นเอื้อกับต้นทุนการผลิตโดยรวมที่ต่ำลงจากการจ้างผลิต และส่งผลดีกับการขายในช่องทางออนไลน์และช่องทางรีเทล ทำให้บริษัทฯ ยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ (กรกฎาคมถึงกันยายน) บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 847.5 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 116.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3 ล้านบาทคิดเป็น 5.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยช่องทางขายออนไลน์ยังคงเติบโตเพิ่มขึ้น 7.3% ขณะที่ช่องทางรีเทล ผ่านทั้งเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าและซาบีน่า ช้อป ลดลง 2.6% การส่งออกภายใต้แบรนด์

"ซาบีน่า" ไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ขยายตัว 102% และการรับจ้างผลิต (OEM) ให้กับแบรนด์ในยุโรป ลดลง 11.9% ตามภาพรวมเศรษฐกิจโลกจากการไม่แน่นอนของสงครามการค้า ส่วนรายได้ 9 เดือนแรก (มกราคมถึงกันยายน) อยู่ที่ 2,490.6 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 316.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.5 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 10.6%

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าวด้วยว่า ซาบีน่ายังคงเดินหน้าที่จะทำตลาดในทุกช่องทางการขายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์และช่องทางรีเทล โดยล่าสุดได้ผนึกความร่วมมือกับ "โพเมโล" ผู้บริหารเว็บไซต์ www.pomelofashion.com ซึ่งเป็นธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ รายใหญ่ที่เน้นจำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่น รวมถึงของใช้ของผู้หญิงมีผู้เข้าชมมากกว่า 2.7 ล้านคนต่อเดือน เพื่อสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าออนไลน์ของโพเมโล สามารถนัดรับสินค้าและลองสินค้าได้ที่ซาบีน่า ช้อป 23 สาขาทั่วกรุงเทพฯ เป็นบริการ "Pomelo Pick Up ลองก่อน จ่ายทีหลัง" ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกชำระเงินเฉพาะชิ้นที่พึงพอใจได้เลย หากยังไม่ถูกใจก็สามารถคืนสินค้าผ่านซาบีน่า โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ขณะที่ซาบีน่าได้มอบให้โพเมโลเป็นช่องทางขายออนไลน์แบบเอ็กซ์คลูซีฟเพียงช่องทางเดียวสำหรับสินค้าคอลเลคชั่น "แมด มัวแซล อินทิเมทส์" (Mad Moiselle Intimates) ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มไฮแฟชั่น (High Fashion) ของซาบีน่า ทั้งในประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้เชื่อว่า จะสามารถกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงปลายปีนี้ให้คึกคักขึ้นได้อย่างแน่นอน