นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SUPER) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2562 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562) ของบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 1,201.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 641%จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 162.23 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมเท่ากับ 1,491.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 1,325.36 ล้านบาท
ขณะที่งวด 9 เดือนปี 2562 มีกำไรสุทธิ 2,015.003 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% จากงวดเดียวกันปีก่อน และมีรายได้รวมเท่ากับ 4,689.757 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 4,244.110 ล้านบาท นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.011บาท / หุ้น โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 12 ธันวาคม 2562
สาเหตุที่ผลประกอบการไตรมาส 3/2562 ของกลุ่มบริษัท SUPER เติบโตขึ้น เนื่องจากมีรายได้จากการขายไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเวียดนาม ซึ่งได้ทำการจ่ายไฟเชิงพาณิชย์( COD) เมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2562 โดยจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) จำนวน 4 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 186.72 เมกะวัตต์ ส่วนอีก 1โครงการ มีขนาดกำลังการผลิตอยู่ที่ 50 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม และคาดว่าจะสามารถจ่ายไฟฟ้าได้ในเร็วๆนี้ ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีการรับรู้กำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิตรวม 118 เมกะวัตต์จำนวน 1,289.923 ล้านบาท สนับสนุนอีกด้วย
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม ขณะนี้ถือมีความชัดเจนมากขึ้น เฟสแรกขนาด 172 เมกะวัตต์ จะเริ่มทยอยก่อสร้างในปีนี้ และจำนวน250 เมกะวัตต์ จะเริ่มก่อสร้างในต้นปี 2563และทั้งหมดคาดจะเริ่มCOD ได้ในช่วงปลายปี 2563 ซึ่งจะสนับสนุนการเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตไฟฟ้า และรายได้จากต่างประเทศในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ในส่วนในประเทศในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะชุมชนอีก 3 โครงการ ซึ่งจะทยอยดำเนินการ คือ โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะชุมชน จังหวัดหนองคาย ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 8 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในช่วงปลายไตรมาส 4 ปีนี้เช่นกัน ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ SUPER วางเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมภายในสิ้นปีนี้เกินระดับ 1,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน 800-900 เมกะวัตต์อย่างแน่นอน
"บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการลงทุนด้านพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อให้ไปสู่เป้าหมายของการมีแหล่งรายได้ในระยะยาว ส่วนรายได้ปีนี้ เชื่อว่าจะเติบโต 13-15% จากปีก่อนมีรายได้รวม 5,874.30 ล้านบาท และคาดว่า กำไรน่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน รวมทั้งกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือสิ้นปีนี้มากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ และ 2,000 เมกะวัตต์ในอีก2ปีข้างหน้า "นายจอมทรัพย์ กล่าวในที่สุด
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit