รัฐมนตรีเกษตรฯ มุ่งแก้ปัญหาภัยแล้งให้กับประชาชนและพี่น้องเกษตรกร หวังให้มีแหล่งน้ำเพื่อใช้ในการอุปโภค-บริโภคและการเกษตรได้อย่างยั่งยืน

11 Nov 2019
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานการแก้ปัญหาภัยแล้ง ณ บริเวณลานวัฒนธรรมวัดอินทาราม (วัดหนองขาว) ต.หนองขาว อ.ท่าม่วง และบริเวณฝายบ้านทุ่งมะขามเฒ่า ต.กลอนโด อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ว่า รัฐบาลมีความเป็นห่วงราษฎรทุกภาคส่วน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานร่วมกันโดยคำนึงถึงประโยชน์สุขของราษฎรเป็นสำคัญ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้กับประชาชนและพี่น้องเกษตรกร และต้องการให้มีแหล่งน้ำเพื่อใช้ในการอุปโภค-บริโภคและใช้ในการเกษตรได้อย่างยั่งยืน ซึ่งสิ่งสำคัญที่กระทรวงเกษตรฯ มุ่งดำเนินการคือการเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำให้มากที่สุด เช่น ฝาย แก้มลิง และอ่างเก็บน้ำ หากมีอายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป จะให้ดำเนินการขุดลอกเพื่อเพิ่มความจุของน้ำ นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้กรมประมงนำพันธุ์สัตว์น้ำต่าง ๆ มาปล่อยตามแหล่งน้ำ เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถประกอบอาชีพเสริมได้อีกทางหนึ่งด้วย
รัฐมนตรีเกษตรฯ มุ่งแก้ปัญหาภัยแล้งให้กับประชาชนและพี่น้องเกษตรกร หวังให้มีแหล่งน้ำเพื่อใช้ในการอุปโภค-บริโภคและการเกษตรได้อย่างยั่งยืน

นายเฉลิมชัย กล่าวต่อไปว่า อย่างหนึ่งในภารกิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คือการมอบหมายกรมชลประทานดำเนินการก่อสร้างสถานีสูบน้ำหนองขาว-หนองโรง พร้อมระบบส่งน้ำ ประกอบด้วย สถานีสูบน้ำ จำนวน 2 แห่ง และคลองส่งน้ำความยาว 7 กิโลเมตร ที่สามารถส่งน้ำให้ราษฎรกว่า 1,591 ครัวเรือน และพื้นที่การเกษตรกว่า 11,000 ไร่ ในพื้นที่ ต.หนองขาว แต่ด้วยจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้มีความต้องการใช้น้ำมากขึ้นตามไปด้วย กรมชลประทานจึงมีแผนการดำเนินโครงการสนับสนุนแหล่งน้ำในพื้นที่ ต.หนองขาว จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ 1) โครงการแก้มลิงบ้านหลุมลำพัน 2) โครงการปรับปรุงสถานีสูบน้ำหนองขาว-หนองโรง จุดที่ 2 พร้อมระบบส่งน้ำ 3) โครงการฝายห้วยหนองเกตุ 4) โครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำบ้านหนองขาว 1 และ 5) โครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบบ้านหนองขาว 2 ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จทั้ง 5 โครงการ คาดว่าจะช่วยเพิ่มพื้นที่ชลประทานได้กว่า 3,000 ไร่ พื้นที่รับประโยชน์กว่า 1,010 ไร่ และยังสามารถเก็บกักน้ำได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 80,000 ลูกบาศก์เมตร

จากนั้นได้เดินทางไปยังฝายบ้านมะขามเฒ่า ต.กลอนโด อ.ด่านมะขามเตี้ย เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานในการส่งมอบฝายบ้านมะขามเฒ่า ที่กรมชลประทานได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมใช้งานให้เกิดประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่ โดยได้ส่งมอบให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลกลอนโด อำเภอด่านมะขามเตี้ยรับไปดูแล บำรุงรักษา และบริหารจัดการน้ำ ตามภารกิจถ่ายโอนงานชลประทานขนาดเล็กให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ด้าน ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า โครงการฝายบ้านทุ่งมะขามเฒ่า ต.กลอนโด อ.ด่านมะขามเตี้ย ดำเนินการก่อสร้างโดยโครงการก่อสร้าง สำนักงานชลประทานที่ 13 มีลักษณะเป็นฝายคอนกรีตเสริมเหล็ก กว้าง 15 เมตร ยาว 39 เมตร สูง 5.50 เมตร ความสูงสันฝาย 3 เมตร พร้อมกับขุดลอกลำห้วยหน้าฝาย ความยาว 800 เมตร สามารถเก็บกักน้ำได้ประมาณ 30,000 ลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่รับประโยชน์กว่า 450 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 119 ครัวเรือน กรมชลประทานได้สร้างขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำของราษฎรในพื้นที่ ปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จแล้ว จึงได้ทำการส่งมอบฝายแห่งนี้ให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลกลอนโดเป็นผู้ดูแลและบริหารจัดการต่อไป ภายใต้คำแนะนำของเจ้าหน้าที่ชลประทาน เพื่อให้ฝายแห่งนี้สร้างประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ให้มากที่สุด

HTML::image( HTML::image( HTML::image(