รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่าการประชุมใหญ่ของสหกรณ์มีความสำคัญมาก ที่ทุกฝ่ายจะได้มาร่วมกันพิจารณาระเบียบวาระต่างๆ ร่วมกันแก้ไขปัญหาการดำเนินงานของสหกรณ์ และให้ข้อเสนอแนะ พร้อมทั้งวางแผนปรับปรุงฟื้นฟูสหกรณ์และอาชีพให้กับสมาชิก ซึ่งสหกรณ์จะต้องวางแนวทางการบริหารงานเพื่อตอบสนองความต้องการของสมาชิกในปีต่อไป และเพื่อให้สหกรณ์เป็นสถาบันที่ให้บริการแก่สมาชิกให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น วิธีการสหกรณ์เป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคมของประเทศให้ดีขึ้นและเป็นกลไกในการขับเคลื่อนตามนโยบายภาครัฐ รัฐบาลจึงได้พยายามเข้ามามีบทบาทสนับสนุนส่งเสริมการดำเนินงานของสหกรณ์มากขึ้น เช่น เกษตรอินทรีย์ เกษตรแปลงใหญ่ ทฤษฎีใหม่ เพื่อให้สหกรณ์ช่วยเหลือสมาชิกได้อย่างแท้จริงตามหลักสหกรณ์ ซึ่งรูปแบบการดำเนินงานของสหกรณ์ มุ่งเน้นการดูแลความเป็นอยู่ของสมาชิก สมาชิกเป็นทั้งเจ้าของสหกรณ์ และเป็นผู้ใช้บริการในธุรกิจต่าง ๆ ของสหกรณ์อย่างครบวงจร ซึ่งนับว่าสมาชิกสหกรณ์มีส่วนสำคัญต่อการดำเนินงานและความเจริญก้าวหน้าของธุรกิจสหกรณ์
ทั้งนี้ สหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด จังหวัดชุมพร ก่อตั้ง เมื่อ พ.ศ. 2506 ได้รับจดทะเบียน เป็นสหกรณ์ประเภทสหกรณ์นิคม เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2514 ชื่อว่า " สหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด" ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งสิ้น 3,994 คน ทุนดำเนินงาน 676 ล้านบาท รวบรวมผลผลิตปาล์มน้ำมัน 167,027 ตัน ส่งออก 5,957 ตัน แปรรูป 161,213 ตัน เป็นน้ำมันปาล์มดิบ 28,981 ตัน เมล็ดในปาล์ม 8,561 ตัน กะลาปาล์ม 7,080 ตัน ทะลายเปล่า 34,114 ตัน เส้นใยปาล์ม 351 ตัน ปริมาณแก๊ส 4,540,360 หน่วย และมีรายได้จากการจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ 484 ล้านบาท เมล็ดในปาล์ม 79 ล้านบาท กะลาปาล์ม 12 ล้านบาท ทะลายเปล่า 4.6 ล้านบาท เส้นใยปาล์ม 192,756 บาท และขายกระแสไฟฟ้า 15.05 ล้านบาท
สหกรณ์ได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ ตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 เพื่อก่อสร้างโรงคลุมลานสต็อคปาล์ม จำนวน 4,970,000 บาท สหกรณ์ออกเงินสมทบ จำนวน 497,000 บาท ก่อสร้างแล้วเสร็จ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2561 สำหรับแผนการดำเนินงานในอนาคตนั้น สหกรณ์ได้มีแผนในการส่งเสริมสมาชิกของสหกรณ์ โดยจัดทำโครงการ จำนวน 2 โครงการ คือโครงการเปลี่ยนพันธุ์ปาล์มน้ำมันพันธุ์ดีทดแทนต้นปาล์มเดิม และโครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตน้ำมันปาล์มและกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าจากไบโอแก๊ส นอกจากนี้ สหกรณ์ฯยังได้ดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร ทั้งการสินเชื่อและจัดหาแหล่งเงินทุนให้สมาชิกกู้ยืม จัดหาปัจจัยการผลิตแก่สมาชิก จัดหาสินค้ามาจำหน่าย ทั้งสินค้าอุปโภค-บริโภค การถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวิชาการและส่งเสริมการเกษตร และธุรกิจรวบรวมผลผลิต ซึ่งในช่วงที่ผลผลิตปาล์มน้ำมันล้นตลาดไม่สามารถจำหน่ายผลผลิตได้ตามความต้องการของสมาชิกทุกคน คณะกรรมการจึงได้หาแหล่งเงินทุนสร้างโรงงานเพื่อรองรับผลผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มของปาล์มน้ำมัน พร้อมทั้งลดผลกระทบของโรงงานที่มีต่อปัญหาสุขภาพของชาวบ้านในพื้นที่ สหกรณ์ฯ จึงสร้างโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากน้ำทิ้งของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ซึ่งนอกเหนือจากการแก้ปัญหาให้แก่สมาชิกแล้ว ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับสหกรณ์ และเป็นการลดการนำเข้าพลังงานของประเทศอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งสหกรณ์ดังกล่าวนี้ มีผลการจัดระดับชั้นสหกรณ์ที่ระดับชั้น 2 และมีผลการจัดมาตรฐานสหกรณ์ที่ระดับดี
"ถ้าเราให้ความสำคัญกับระบบสหกรณ์ จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้พี่น้องเกษตรกรมีชีวิตอย่างมีความสุขได้ ซึ่งสหกรณ์ที่จะประสบความสำเร็จ ต้องมีสมาชิกที่ดีและมีคุณภาพ นอกจากนี้ยังจะต้องมีผู้บริหารที่ดีด้วย ซึ่งจะต้องมีคุณธรรม มีความรู้ ความสามารถ และความเสียสละ สำหรับในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้กับสหกรณ์ในการบริหารงานและแก้ไขปัญหาที่นอกเหนือจากสหกรณ์จะควบคุมได้ ซึ่งในวันนี้ผมมีโอกาสที่ได้เข้ามาดูแลสหกรณ์ทั่วประเทศ จึงมุ่งที่จะส่งเสริม สนับสนุน และเติมเต็มในส่วนที่ขาดให้กับพี่น้องเกษตรกร และหวังว่าจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรมีความกินดีอยู่ดียิ่งขึ้น" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit