นพ.วิโรจน์ ตระการวิจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ ซึ่งเป็นประธานในการจัดงานครั้งนี้กล่าวว่า "สำหรับงานเดิน-วิ่งมหากุศล นครธน มินิมาราธอนครั้งนี้ ถือเป็นกิจกรรมประจำปีที่ทางโรงพยาบาลนครธนได้จัดขึ้นมา 11 ปีแล้ว ซึ่งครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 12 เพื่อเป็นการริเริ่มส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไป ทุกเพศทุกวัย รวมถึงบุคลากรในโรงพยาบาลนครธนหันมาออกกำลังกายเพื่อการมีสุขภาพที่ดี มีชีวิตที่ยืนยาว และลดค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพ โดยตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมานั้นเราได้สร้างความทรงจำที่ดีมากมาย ดังนั้นงานวิ่งมินิมาราธอนครั้งที่ 12 นี้ จึงกำหนดแนวคิด Memory Run วิ่งในความทรงจำ เพื่อให้นักวิ่งได้รำลึกถึงความทรงจำดี ๆ จากการวิ่งกับโรงพยาบาลนครธนที่ผ่านมา และถือเป็นการบริหารสุขภาพสมองให้แข็งแรง กระตุ้นให้สมองได้คิด เช่นเดียวกับการเสริมสร้างร่างกายจากการวิ่ง ดังนั้นโรงพยาบาลนครธนจึงขอเชิญชวนทุกท่านเข้าร่วมการเดิน-วิ่งมหากุศล นครธนมินิมาราธอน ครั้งที่ 12 นี้ ในวันอังคารที่ 10 ธันวาคม 2562 โดยทุกคนจะได้ร่วมเดินวิ่งบนเส้นทางธรรมชาติ บางขุนเทียน – ชายทะเล ซึ่งมีระยะทางเดินวิ่งเพื่อสุขภาพ 3 กิโลเมตร และวิ่งมินิมาราธอน 10.5 กิโลเมตร ทั้งนี้รายได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย ได้มอบให้กับองค์กรการกุศล 17 แห่ง ได้แก่ สภากาชาดไทย, มูลนิธิชัยพัฒนา, ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ, มูลนิธิรามาธิบดี, มูลนิธิตับแห่งประเทศไทย, สมาคมหูหนวกแห่งประเทศไทย, มูลนิธิถันยรักษ์ในพระราชูปถัมภ์ฯ, มูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย,มูลนิธิโรคหืดแห่งประเทศไทย, มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์, มูลนิธิโรคข้อในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ, มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์, ศิริราชมูลนิธิ คณะแพทยศาตร์ ศิริราชพยาบาล, มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทย, มูลนิธิกลุ่มแสงเทียนวัดบางไส้ไก่, วัดพระบาทน้ำพุ และมูลนิธิโรงพยาบาลนครธน"
หลายคนอาจสงสัยว่าการออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ส่งผลอย่างไรกับสุขภาพสมอง สมาธิ และความทรงจำ รวมถึงวิธีออกกำลังที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ซึ่งภายในงานเปิดตัว งานเดิน-วิ่งมหากุศล นครธน มินิมาราธอน ก็ได้มีการเสวนาทางการแพทย์ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการออกกำลังสมอง ในเรื่อง "ออกกำลังกายสมองด้วยสองเท้า" โดยมี พญ.รุ่งทิพย์ ชัยธีรกิจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลนครธนมาพูดคุยแนะนำถึงประโยชน์ของการออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ซึ่งส่งผลถึงสมอง ร่วมกับแขกรับเชิญคนพิเศษ โย-ยศวดี หัสดีวิจิตร นางแบบชื่อดังที่ผันตัวเองมาเป็นนักกีฬาวิ่งมาราธอนและไตรกีฬา
เริ่มจากพญ.รุ่งทิพย์ ได้กล่าวว่า "การวิ่ง นอกจากจะทำให้สุขภาพแข็งแรงแล้วยังทำให้สมองของเราทำงานได้ดีขึ้นด้วย โดยปกติสมองส่วนที่ควบคุมขาทั้งสองข้างจะอยู่บริเวณตรงกลางของสมองส่วนหน้า ซึ่งตรงนี้จะมีเส้นใยประสาทที่เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมมาสู่สมองส่วนความทรงจำที่อยู่บริเวณด้านข้าง ดังนั้นเวลาที่เราเดิน วิ่ง หรือปั่นจักรยานโดยใช้ขาทั้งสองข้างจะทำให้เส้นใยประสาทที่ใช้ในการดึงความจำถูกกระตุ้น ยกตัวอย่างเช่น เราไปเจอเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เราจะนึกว่าเขาชื่ออะไร จังหวะนี้เราใช้งานประสาทส่วนนี้ในการเรียกใช้ข้อมูลและความทรงจำออกมา ซึ่งสำหรับผู้สูงอายุนั้น สมองส่วนหน้าและเส้นใยประสาทบริเวณนี้มักจะเสื่อมลงก่อน และสูญเสียการเชื่อมต่อกับสมองส่วนอื่น ๆ อันเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะความจำถดถอยในผู้สูงอายุ ทำให้นึกอะไรได้ช้าลง แต่การเดิน วิ่ง และปั่นจักรยานจะช่วยทำให้เส้นใยประสาทที่เชื่อมบริเวณสมองส่วนหน้ากับสมองส่วนอื่น ๆ ทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งมีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแอริโซนา ได้ศึกษาสมองของกลุ่มผู้สูงอายุวัย 60 ปี โดยแยกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่วิ่งออกกำลังกายเป็นประจำ กับกลุ่มที่ไม่ออกกำลังกาย พบว่ากลุ่มคนที่ออกกำลังกายด้วยวิธีเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน สมองส่วนหน้าจะมีขนาดใหญ่กว่า มีการเชื่อมต่อระบบสมองที่ดีกว่า เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ออกกำลังกาย โดยเฉพาะการวิ่ง หลายคนคงเคยได้ยินว่า วิ่งเพื่อให้เกิดสมาธิ เนื่องจากสมองส่วนหน้าของเราทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับสมาธิ การวางแผน การใช้เหตุผลตรรกะ เวลาที่สองขาของเรามีการเคลื่อนไหวก็จะไปกระตุ้นสมองส่วนหน้าให้ทำงาน ซึ่งจะทำให้เกิดสมาธิมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะระหว่างที่วิ่งเราจะต้องใช้สมาธิจดจ่อกับเส้นทาง ดังนั้นก่อนวิ่งเราควรทำสมาธิโดยการสังเกตลมหายใจเข้าและออก ซึ่งจะทำให้เราเกิดสมาธิที่ดีขณะที่วิ่ง"
ทางด้านนางแบบชื่อดัง โย-ยศวดี ที่ฝึกซ้อมการวิ่งอย่างเข้มข้นจนผันตัวเองมาเป็นนักกีฬาวิ่งมาราธอนและไตรกีฬาในที่สุดได้กล่าวถึงประโยชน์ของการออกกำลังกายโดยการวิ่งไว้ว่า "จุดเริ่มต้นของการวิ่งมาราธอนของโย เริ่มต้นที่ 4 กิโลเมตร ซึ่งมีความเหนื่อยมากเพราะเราไม่เคยออกกำลังกายแบบนี้มาก่อนโยจึงกลับมานั่งทบทวนว่าการวิ่งจริง ๆ ต้องมีการฝึกซ้อมอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ หลังจากนั้นก็เลยเริ่มวิ่งจริงจัง และเอาดีทางด้านวิ่งมาราธอน ซึ่งอันดับแรกเราต้องแยกให้ออกก่อนว่าเราเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพหรือเราเล่นกีฬาเพื่อการแข่งขัน โดยในช่วงแรก ๆ โยยอมรับว่าเราเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพ แต่พอเล่นไปเราเริ่มมีโค้ชที่ช่วยฝึกซ้อมอย่างจริงจังและเข้มข้นมากขึ้นทั้งเช้าและเย็น จึงไม่หยุดแค่การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพแล้ว อย่างเช่นการฝึกซ้อมไตรกีฬาเราต้องซ้อมถึง 6 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งโยฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อการแข่งขัน ซึ่งแตกต่างกับคนที่วิ่งเพื่อสุขภาพ โดยสิ่งที่เราจะได้รับคือ สุขภาพที่ดี น้ำหนักลด ใส่เสื้อผ้าสวย และหลับสบายที่สำคัญเราจะสัมผัสได้ว่าร่างกายเราเกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายใน รวมถึงจิตใจด้วย แค่ลองทำเพียงวันละ 20-30 นาที สัปดาห์ละ 3-4 ครั้งโยมั่นใจว่าภายใน 1 เดือนจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง และถ้าถามว่าสมองมีความสำคัญอย่างไรกับการแข่งขันกีฬาโยบอกได้เลยว่าสำคัญมาก เพราะนักกีฬาที่เข้าแข่งขันจะมีแต่แรงกำลังกายอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องมีกำลังสมองด้วย เพราะทุกครั้งที่เราแข่งขันเราต้องคอยคำนวณเวลา และวางแผนก่อนล่วงหน้าว่าในแต่ละระยะเราจะใช้ความเร็วเท่าไหร่ หัวใจเต้นเท่าไหร่ ความเหนื่อยอยู่ประมาณไหน และเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ ต้องทำเวลาทุกอย่างให้พอดี ซึ่งเป็นสิ่งที่โค้ชพูดเสมอว่า บางครั้งเราใส่พลังไป 100% เราไม่ใช่ผู้ชนะ เพราะคนที่วางแผนเก่งกว่าเรามักจะเป็นผู้ชนะเสมอ นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากในการแข่งขันคือ นักกีฬาไม่ควรพลาดเรื่องของการบรีฟ ซึ่งทุกการแข่งขันจะมีการบรีฟเส้นทางก่อนเสมอ เราก็ต้องจดจำเส้นทางและวางแผนให้ได้ และนอกจากการวิ่งเข้าเส้นชัยแล้ว เรายังได้เก็บความทรงจำระหว่างทางไปด้วย รอยยิ้มของผู้คนที่ออกมาเชียร์เราขณะวิ่ง มันเป็นความทรงจำที่ดีไม่แพ้การเข้าเส้นชัย ซึ่งถ้าหากเรามีสมองที่แข็งแรงเราก็จะจดจำทุกอย่างได้ดีและยาวนานไปตลอดชีวิต"
สำหรับผู้ที่สนใจงานเดิน-วิ่งมหากุศล นครธน มินิมาราธอน ครั้งที่ 12 สามารถสมัครได้ที่ โรงพยาบาลนครธน โทร. 0-2450-9999 หรือ www.nakornthon.com จนวันที่ 9 ธันวาคม 2562 โดยมีค่าสมัคร 500 บาท (ทุกระยะ) และ 1,200 บาท (VIP)
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit