“ซีพีสานฝัน ปันโอกาส” หนุนคนรุ่นใหม่สู่การประชุมระดับโลก “One Young World 2019” จุดประกายสร้างผู้นำแห่งอนาคต สร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยพลังของคนรุ่นใหม่ เพื่อขับเคลื่อนโลกให้เกิดความสุขที่ยั่งยืนในทุกมิติ

20 Nov 2019
ปิดฉากลงแล้วสำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำรุ่นใหม่ "One Young World Summit 2019" ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยมีคนรุ่นใหม่กว่า 2,000 คนจาก 196 ประเทศร่วมประชุม โดยในปีนี้ "เครือเจริญโภคภัณฑ์" ได้ดำเนินงานโครงการ "ซีพีสานฝัน ปันโอกาส สู่ผู้นำรุ่นใหม่ One Young World" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 โดยสนับสนุนให้ผู้นำรุ่นใหม่จากกลุ่มธุรกิจต่างๆ ในเครือเจริญโภคภัณฑ์และผู้นำเยาวชนจากองค์กรภายนอก จำนวน 21 คนเป็นตัวแทนเยาวชนจากประเทศไทยเข้าร่วมในการประชุมในครั้งนี้
“ซีพีสานฝัน ปันโอกาส” หนุนคนรุ่นใหม่สู่การประชุมระดับโลก “One Young World 2019” จุดประกายสร้างผู้นำแห่งอนาคต สร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยพลังของคนรุ่นใหม่ เพื่อขับเคลื่อนโลกให้เกิดความสุขที่ยั่งยืนในทุกมิติ

โดยโครงการ "ซีพีสานฝัน ปันโอกาส สู่ผู้นำรุ่นใหม่ One Young World" ในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "IGNITE FUTURE LEADERS" หรือ "จุดประกายผู้นำแห่งอนาคต" เพื่อตอกย้ำให้ผู้นำเยาวชนคนรุ่นใหม่ตระหนักถึงบทบาทและเชื่อมั่นในพลังของตนเองที่สามารถ "คิด เปลี่ยน โลก" เพื่อร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงและขับเคลื่อนโลกใบนี้ให้มีความสุข และร่วมกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ของโลก เพื่อสร้างความยั่งยืนในทุกมิติทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

สำหรับพิธีเปิดการประชุม One Young World Summit 2019 ได้จัดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 22 ตุลาคม 2562 ณ Royal Albert Hall ซึ่งในปีนี้เป็นการเฉลิมฉลองการครบรอบ 10 ปีของการประชุม โดย Kate Robertson (เคท โรเบิร์ตสัน) และ David Jones (เดวิด โจนส์) กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการก่อตั้ง One Young World ว่า "พวกเรามองเห็นพลัง ความเป็นผู้นำ และความคิดสร้างสรรค์ในคนรุ่นใหม่ที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น เนื่องจากเป็นรุ่นที่ได้รับรู้ข้อมูลต่างๆ ได้รับการศึกษา และมีเครือข่าย ซึ่งที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 10 ปี โครงการต่างๆจากผู้แทน One Young World ได้ช่วยกว่า 20 ล้านคนทั่วโลก แต่ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ"

นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน Sadiq Khan (ซาดิก คาน) กล่าวว่าการแก้ปัญหาความท้าทายในปัจจุบันจะต้องลงมือทำร่วมกัน และต้องลงมือทำเพื่อสร้างอนาคตที่แตกต่าง "เราต้องยื่นมือเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนสูงวัยและคนรุ่นใหม่ ผู้หญิงและผู้ชาย คนรวยและคนจน คนผิวดำและคนผิวขาว คนศาสนาต่างๆ เช่น คริสเตียน มุสลิม ยิว ซิกข์ พุทธ และฮินดู เพื่อสร้างความศรัทธาในประชาธิปไตยและทำให้งานต่างๆบรรลุผลสำเร็จ เราต้องสร้างสะพานไม่ใช่สร้างกำแพง"

โดยไฮไลท์สำคัญในพิธีเปิดคือการโบกธงจากผู้แทนทุกประเทศ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่า "มนุษยชาติสำคัญเหนือเชื้อชาติที่แตกต่าง" โดยนาทีที่จับใจของการโบกธงคือเมื่อผู้แทนเยาวชนคนรุ่นใหม่จากประเทศเกาหลีเหนือและประเทศเกาหลีใต้ ต่างจับมือกันเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ

ตลอดระยะเวลาของการประชุมทั้ง 4 วัน มีที่ปรึกษาผู้มีชื่อเสียงและผู้ประสบความสำเร็จในสาขาวิชาชีพต่างๆ ในระดับโลกมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเพื่อสร้างประสบการณ์และแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าร่วมประชุม อาทิ ฮาลิมา อาเด็น (Halima Aden) ผู้ลี้ภัยที่เติบโตในแคมป์ผู้ลี้ภัยคาคูมา (Kakuma Refugee Camp) ในสาธารณรัฐเคนยาที่เป็นนางแบบคนแรกที่สวมใส่ฮิญาบ กล่าวว่า"เมื่อฉันได้คิดทบทวนเกี่ยวกับเชื้อชาติและศาสนา มันเป็นเรื่องง่ายที่จะโทษคนจำนวนมากที่มองว่าฉันแตกต่าง แต่เมื่อฉันมองกลับไป ฉันมองสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นกับฉันคือหมู่คนที่ดูแตกต่างไปกว่าฉัน ดังนั้นอย่าเปลี่ยนแปลงตัวคุณเอง แต่เปลี่ยนแปลงระบบ และทำทุกอย่างที่คุณต้องทำเพื่อให้ผู้คนได้ยินและสร้างความแตกต่าง ทิ้งรอยเท้าของคุณไว้ และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ จะต้องไม่ทิ้งความหวัง"

บ๊อบ เกลดอฟ (Bod Geldof) ที่ปรึกษา One Young World กล่าวถึงความสำคัญของการเป็นผู้นำในเยาวชนว่า "พวกเราต้องการความคิด พวกเราต้องการไอเดีย พวกเราต้องการการลงมือทำ และผู้คนที่เป็นผู้นำของพวกเราในวันนี้ก็แก่กันหมดแล้ว"

เจ เค โรลลิ่ง (J.K. Rowling) นักเขียนชาวอังกฤษและผู้ก่อตั้ง Lumos กล่าวว่า "พวกเราต่างรู้ว่าเด็กกว่าล้าน ล้าน ล้าน ล้านคนกำลังมีปัญหา และพวกเขาไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียง และเสียงที่มีพลังอำนาจมากที่สุด แน่นอนว่านั่งอยู่ข้างๆ ฉัน และฉันต้องการขยายเสียงของพวกเขา โลกใบนี้ต้องรับรู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรเพื่อเด็กๆทั่วโลก"

ศาสตราจารย์มูฮัมหมัด ยูนูส (Muhammad Yunus) ผู้ก่อตั้งธนาคาร Grameen Bank และผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ได้เล่าถึงพันธกิจของเขาในการกำจัดผลเสียที่เกิดจากระบบทุนนิยมและวิธีการที่จะช่วยให้มีสิ่งที่ดีเกิดขึ้นกับทุกคนว่า "แต่คำถามที่แท้จริงไม่ใช่ว่าโลกจะเป็นอย่างไรในอีก 50 ปีข้างหน้า แต่โลกแบบไหนที่คุณต้องการในอีก 50 ปีข้างหน้า หากคุณต้องการปกป้องโลกใบนี้สำหรับเยาวชนของคุณ คุณต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นอยู่ คุณต้องหาหนทาง ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้สำหรับมนุษยชน ถ้าคุณจริงจังสิ่งต่างๆจะเกิดขึ้น และนี่คือความท้าทายที่เราต้องเผชิญ เราต้องสร้างโลกใบใหม่"

ด้าน ดั๊กลาส บูท (Douglas Booth) ดารานักแสดงได้พูดให้แรงบันดาลใจว่า "การที่คนรุ่นใหม่มากมายจากหลากหลายที่มารวมกัน เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ของพวกเราในวันนี้ และเป็นสิ่งที่มีพลังอำนาจที่เราได้แบ่งปันความคิดเห็น และกลับไปเพื่อสร้างความแตกต่างในกว่า 190 ประเทศ"

สอดคล้องกับ นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่กล่าวกับตัวแทนประเทศไทยทั้ง 21 คนว่า ทุกคนถือเป็น Future Leaders เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพในการเป็นผู้นำ ซึ่งมีหน้าที่สำคัญที่สุดคือ "การสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สังคมดีขึ้น"

"ผู้นำที่ดีต้องมีพื้นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงคือ การเปลี่ยนแปลงโลกไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งความสำเร็จและความล้มเหลวเปรียบเหมือนเหรียญ 2 ด้านที่อยู่คู่กัน เราต้องสำรวจให้ได้ว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้เรามีพลังไปสู่ความสำเร็จ และอะไรคือปัจจัยที่ทำให้เราหยุดหรือท้อแท้ เพื่อทำให้เรามีพลังที่จะสามารถขับเคลื่อนและสร้างความเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างไม่สิ้นสุด ขอให้เชื่อมั่นในพลังที่จะสร้างหรือส่งต่อสิ่งที่ดีให้กับคนอื่น ๆ เชื่อมั่นในพลังของตนเองที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง อย่ายอมแพ้ และอย่าลดละในความฝันที่ทุกคนตั้งไว้ ความตั้งใจดีของทุกคนในที่นี้จะทำให้โลกใบนี้ดีขึ้น และทำให้ทุกคนมีความสุข" ประธานคณะผู้บริหาร เครือซีพีกล่าวย้ำ

สำหรับการประชุม One Young World Summit ครั้งต่อไป ซึ่งเป็นครั้งที่ 11 มีกำหนดจัดขึ้น ณ กรุงมิวนิค ประเทศเยอรมณี ในระหว่างวันที่ 14-17 ตุลาคม 2563 โดยคาดว่าจะมีผู้นำเยาวชนคนรุ่นใหม่ไม่น้อยกว่า 1,800 คนจาก 190 ประเทศทั่วโลกมาเข้าการร่วมประชุม ซึ่ง นายโคฟี อันนัน (Kofi Annan) อดีตเลขาธิการองค์การสหประชาชาติผู้ล่วงลับ ได้เคยกล่าวถึงการจัดการประชุม One Young World ไว้ว่า "ในทุกปีที่ฉันก้าวออกมาจากงานประชุมผู้นำเยาวชนโลก ฉันมีความหวังและความมั่นใจว่าอนาคตของเรายังไม่สูญสิ้น"

"หากคุณคิดด้วยความจริงจัง สิ่งนั้นจะเกิดขึ้น คุณจะสามารถทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ทั้งหมดให้เป็นไปได้" ศาสตราจารย์มูฮัมหมัด ยูนูส กล่าวสรุป.

HTML::image( HTML::image(