ประเทศไทยไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบบริการสุขภาพให้มีคุณภาพ และเข้าถึงความต้องการของประชาชน แต่ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรสาธารณสุข เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรทางสาธารณสุข ปีพ.ศ. 2561-2564 หรือที่เรียกว่า 2P Safety ไว้ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในโรงพยาบาล
นพ. กิตตินันท์ อนรรฆมณี ผู้อำนวยการ สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) หรือ สรพ. กล่าวว่า "องค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก และประเทศไทยเอง นอกจากจะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ป่วยแล้ว เรายังคำนึงถึงความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์ด้วยเช่นกัน ซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่ว่า โรงพยาบาลต้องคำนึงและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของบุคลากร และร่วมกันพัฒนาระบบป้องกันและดูแลบุคลากรให้ปลอดภัย นับเป็นช่วงเวลาประจวบเหมาะที่องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน หรือ GIZ และบริษัทบี. บราวน์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เข้ามาดำเนินโครงการพัฒนามาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ในประเทศไทย และสรพ. ได้มีส่วนร่วมในการจัดอบรมเพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้แก่ผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาลด้านมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยเล็งเห็นว่าระบบป้องกันและดูแลความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากผู้บริหารของโรงพยาบาลไม่เห็นความสำคัญและไม่ผลักดันให้มีระเบียบ นโยบายที่จะสนับสนุนให้เกิดความปลอดภัยในการทำงานของบุคลากร"
มร. เกอร์มัน มูลเลอร์ ผู้อำนวยการ โครงการฯ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) กล่าวว่า " GIZ ดำเนินงานด้านการพัฒนา ในนามของกระทรวงเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMZ) ซึ่งงานพัฒนาด้านสุขภาพและสาธารณสุขเป็นหนึ่งในภารกิจหลักของเรา GIZ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนามาตรฐานสาธารณสุขในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นความต้องการพื้นฐานของประชาชน และเป็นหนึ่งในเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน และรัฐบาลไทยเองก็ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขให้มีคุณภาพเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพบว่าการเกิดอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติงานนั้นทำให้บุคลากรทางการแพทย์ มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ การติดเชื้อ และเสียชีวิต ด้วยเหตุนี้ GIZ จึงได้ร่วมกับบริษัท บี. บราวน์ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ชั้นนำจากประเทศเยอรมนี ดำเนินโครงการพัฒนามาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ในประเทศไทยขึ้น ภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน และร่วมกับ สรพ. จัดการอบรม ซึ่งครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่สองแล้ว โดยเปิดโอกาสให้ผู้บริหารโรงพยาบาลและบุคลากรการแพทย์จากโรงพยาบาลนำร่อง 18 แห่ง มาร่วมนำเสนอความก้าวหน้าของการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาล และ GIZ มีความมุ่งมั่นที่จะนำความสำเร็จและบทเรียนที่ได้รับจากการดำเนินโครงการฯ นี้ ไปต่อยอดเพื่อพัฒนาโครงการด้านสาธารณสุขในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงต่อไป"
ด้านนายสายันห์ รอย กรรมการผู้จัดการ บริษัทบี. บราวน์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "บริษัทบี. บราวน์ เล็งเห็นว่า ความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์นั้นเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดคุณภาพของมาตรฐานสาธารณสุขของประเทศไทย ที่จะช่วยให้เกิดความยั่งยืนของการพัฒนาระบบสาธารณสุข อย่างไรก็ตาม ยังคงมีช่องว่างระหว่างความรู้ทางทฤษฎีและการปฏิบัติในด้านความปลอดภัยในการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ จากการดำเนินงานของบริษัทบี. บราวน์ มากว่า 30 ปีในประเทศไทย ภายใต้โครงการฯ เรามุ่งหวังที่จะคงความเป็นพันธมิตรกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขในประเทศไทย เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทางการแพทย์ที่ปลอดภัยแก่โรงพยาบาล อีกทั้งช่วยส่งเสริมให้มีการใช้ระบบติดตามและรายงานผลออนไลน์ หรือ e-monitoring ที่สามารถประเมินผลความปลอดภัยได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น"
ผลจากการอบรมครั้งนี้ จะนำไปสู่การวางแผนเป็นกรอบนโยบายของแต่ละโรงพยาบาล โดยบูรณาการแนวคิด 2P Safety ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ขององค์การอนามัยโลกระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มุ่งเป้าให้เกิดความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรสาธารณสุขระดับประเทศ
การอบรม จัดขึ้นภายใต้โครงการพัฒนามาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ในประเทศไทย ซึ่งดำเนินการโดยหน่วยงานภาคีทางการแพทย์ ได้แก่ สรพ. คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ชมรมพยาบาลผู้ให้สารน้ำแห่งประเทศไทย และสมาคมพยาบาลโรคมะเร็งแห่งประเทศไทย โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกระทรวงเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMZ) และบริษัทบี. บราวน์ เมลชุงเกน เอจี
HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit