STC ปิดจองซื้อไอพีโอเกลี้ยง มั่นใจพื้นฐานแน่นปึ้ก พร้อมเทรด mai 29 พ.ย. นี้

22 Nov 2019
"เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์" หรือ STC ปลื้ม หุ้นไอพีโอน้องใหม่ 148 ล้านหุ้น ปิดจองซื้อขายหมดเกลี้ยง เชื่อ นักลงทุนมั่นใจพื้นฐานธุรกิจแกร่ง มองเห็นอนาคตสดใส โดยเฉพาะโอกาสจาก EEC หนุนงานโครงการในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และภาคตะวันออกขยายตัว ขณะที่ กำหนดราคาไอพีโอ 1 บาทต่อหุ้น เป็นราคาที่เหมาะสม พร้อมเข้าเทรด mai 29 พฤศจิกายนนี้ ด้านผู้บริหาร ระบุนำเงินที่ได้ไปใช้ขยายโอกาสจาก EEC ที่มีโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่อเนื่องจำนวนมาก ปิดท้ายด้วยผลงาน 9 เดือนที่ประกาศออกมา กำไรสูงกว่าทั้งปี 61 เรียบร้อยแล้ว
STC ปิดจองซื้อไอพีโอเกลี้ยง มั่นใจพื้นฐานแน่นปึ้ก พร้อมเทรด mai 29 พ.ย. นี้

นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม สายงานวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย บริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ จำกัด (มหาชน) (STC) เปิดเผยถึง แผนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ของ STC จำนวน 148,000,000 หุ้น ในช่วงเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 20 - 22 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา นักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาจองซื้อ สะท้อนความเชื่อมั่นที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานบริษัทที่แข็งแกร่งของ STC ทั้งศักยภาพการเติบโตและโอกาสในอนาคต

ประกอบกับ STC กำหนดราคาไอพีโอ 1 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 20.41 เท่า คำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2562 ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ รวมทั้ง การเติบโตทั้งด้านรายได้และกำไรที่โดดเด่นตามนโยบายการลงทุนในโครงการ EEC จึงมั่นใจว่า หุ้นไอพีโอของ STC ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ‪ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562‬ นี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน‬‬‬‬‬

"ผมมั่นใจว่า STC จะเป็นอีกหุ้นเด่นที่นักลงทุนให้ความสนใจ ด้วยธุรกิจเข้าใจง่าย และมีโอกาสเติบโตสูง รับงานโปรเจ็กต์ของภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะโครงการ EEC ที่เริ่มเห็นความชัดเจนมาแล้ว 2 ปี นำร่องด้วยโครงการเมกะโปรเจคต์ และโครงการสาธรณูปโภคต่างๆ ทำให้มองว่า ภายหลังการเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ แผนขยายการเติบโตของ STC ในระยะ 3-5 ปีจากนี้จะคึกคัก และสนับสนุนผลประกอบการบริษัทให้เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ เป็นอีกปัจจัยสนับสนุนให้การปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอที่ผ่านมาประสบความสำเร็จได้อย่างน่าประทับใจ"นายรัฐชัย กล่าว

นายเอกชัย ชัยตระกูลทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ จำกัด (มหาชน) หรือ STC เปิดเผยว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่นักลงทุนทุกท่านให้ความเชื่อมั่นในหุ้น STC และให้ความสนใจจองซื้อหุ้นไอพีโอเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งการตอบรับที่ดีของนักลงทุนในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ และการเติบโตในอนาคต ธุรกิจมีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน หลังขยายกำลังการผลิตรอรับงานโครงการ EEC และงานโครงสร้างพื้นฐาน และสาธารณูปโภคในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และขยายไปยังจังหวัดใกล้เคียงในภาคตะวันออก สนับสนุนผลประกอบการปี 2562 ให้เติบโตก้าวกระโดด และคาดว่าจะดีต่อเนื่องในระยะยาว

เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้หลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้เงินประมาณ 141.30 ล้านบาท นำไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และ/หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินการของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิจให้แข็งแกร่งขึ้น พร้อมรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมงานก่อสร้าง งานระบบระบายน้ำ งานนิคมอุตสาหกรรม และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดใกล้เคียงในเขตภาคตะวันออกที่กำลังขยายตัว

สำหรับผลประกอบการปีนี้โดดเด่น ไตรมาส 3/2562 ประกาศออกมาแค่ไตรมาสเดียว กำไรสุทธิเติบโตสูงกว่าครึ่งปีแรกของปี 2562 ขณะที่งบ 9 เดือนปี 2562 เติบโตกว่าปี 2561 ทั้งปีเรียบร้อยแล้ว มีรายได้รวมอยู่ที่ 303.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 273.09 ล้านบาท กำไรขั้นต้น 25.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.27% กำไรสุทธิ 17.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 221.39% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นในงวด 9 เดือน ปี 2562 เมื่อเทียบกับปี 2561 สูงขึ้นอยู่ที่ 31.78% และ 27.54% ตามลำดับ อัตรากำไรสุทธิในงวด 9 เดือนปี 2562 เมื่อเทียบกับปี 2561 สูงขึ้นอยู่ที่ 5.91% และ 4.05% ตามลำดับ สะท้อนโอกาสจาก EEC

ตอกย้ำด้วยจุดเด่น STC ในเรื่องผลิตภัณฑ์คอนกรีตที่มีสินค้าหลากหลายที่สุด และได้อานิสงส์จากงานโครงการในเมืองพัทยา และการขับเคลื่อนโครงการในภาคตะวันออก หรือ EEC ปัจจุบันมีโรงงาน 4 แห่ง อยู่ในทำเลใจกลางเมืองพัทยา ทำให้ได้เปรียบในเรื่องระยะทางขนส่ง ต้นทุนการแข่งขัน และการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในการผลิตท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็กและบ่อพักขนาดใหญ่ ซึ่งหาคู่แข่งได้น้อยราย ทำให้เราสามารถสร้างอัตรากำไรที่สูงขึ้น เมื่อเทียบกับอดีต