ย้อนรอยเส้นทางชีวิต "อ้อย จิระวดี" ต้นตำหรับนางเอกสาวห้าวของเมืองไทย เผยเป้นทอมแต่เด็กแต่อยากแต่งงานเพราะอยากมีลูก !!

16 Oct 2019
เป็นอีกหนึ่งนักแสดงเจ้าบทบาทสำหรับ "อ้อย - จิระวดี อิศราง ณ อยุธยา" ซึ่งมักจะคุ้นเคยกกันดีกับบทสาวห้าว ล่าสุดออกมาเปิดใจในรายการคุยแซ่บShow ทางช่อง One31 ที่มี ท็อป ดารณีนุช และ ชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกร ถึงอดีตเส้นทางความรักที่เจ้าตัวเผยว่าเป็นทอมตั้งแต่เด็กแต่ที่ตัดสินใจแต่งงานเพราะอยากมีลูกมาก ทั้งๆที่ยังชอบผู้หญิงอยู่ พร้อมควงคุณแม่มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา ในวัย 98 ปี เผยเคล็ดลับดูแลคุณแม่อย่างไรให้แข็งแรง
ย้อนรอยเส้นทางชีวิต "อ้อย จิระวดี" ต้นตำหรับนางเอกสาวห้าวของเมืองไทย เผยเป้นทอมแต่เด็กแต่อยากแต่งงานเพราะอยากมีลูก !!

พี่อ้อยเข้าวงการมาตอนอายุเท่าไหร่ ?

อ้อย : ถ่ายโฆษณาตอนอายุ 6 เดือน แล้วก็มาเล่นหนังของน้าดอกดินตอนประมาณ 7-8 ขวบได้

ปัจจุบันพี่อ้อยทำอะไรอยู่บ้าง ?

อ้อย : เป็นผู้จัด เล่นละคร ครูสอนการแสดง ผู้กำกับ

เรียกว่าในครอบครัวเป็นสายการแสดงกันทั้งหมดเลย ?

อ้อย : สายการแสดงแม้กระทั่งแต่เด็กคนงานในบ้าน พี่ก็เอาไปเล่นหนัง เล่นละครด้วยหมด ตั้งแต่สมัยพี่ทำละคร ตอนเล่นสุริโยทัย เด็กตามพี่ไปด้วย ท่านมุ้ยก็เอาเข้าฉากด้วย แม้แต่สุนัขในบ้านก็เอาเข้าฉากด้วย

จุดไหนที่ทำให้เป็นพี่อ้อยแบบทุกวันนี้ ?

อ้อย : ละครเรื่องความรัก เรื่องขังแปด ถ้าเป็นภาพยนตร์ก็สุริโยทัย

เล่นเป็นทอมช่วงหลังแล้ว ?

อ้อย : ช่วงหลังๆแล้ว ส่วนมากของท่านมุ้ยจะรับบทนักฆ่า บทแรงๆ

พี่มีความห้าวในตัว ลุคนางเอกในสมัยที่พี่อ้อยเล่นเป็นยังไง ?

อ้อย : สมัยที่พี่เป็นนางเอก พี่แต่งงานมีครอบครัว มีสามี เป็นกุลสตรีไทย เป็นผู้หญิงเลย ทาเล็บ พอพี่แต่งงานก็ต้องใช้ชีวิตแบบผู้หญิง

แล้วในใจลึกๆเราล่ะ ?

อ้อย : บอกกันตรงๆเลย พี่เป็นทอมตั้งแต่เด็ก แต่ด้วยความที่พี่อยากมีครอบครัว อยากมีลูก สามีขอแต่งตอนวัยอลวน คนเข้ามาจีบเยอะ สามีมาขอก็แต่งเลย อายุ 20 ปี

ตอนนั้นเข้ามาเป็นนางเอก เป็นนางเอกลุคห้าวๆแต่รู้ตัวเองอยู่แล้วว่าเป็นทอม คนรอบข้างที่ร่วมงานกับเรารู้มั้ย ?

อ้อย : รู้หมด สามีก็รู้

แล้วพี่มีแฟนเป็นผู้หญิงก่อนมั้ย ?

อ้อย : ก็มีค่ะ

แล้วตอนที่เค้าขอแต่งงานเป็นตอนที่เราพักว่างจากแฟนสาว ?

อ้อย : ก็มีอยู่ค่ะ พี่ก็บอกแฟนผู้หญิงพี่ว่า พี่อยากมีครอบครัว อยากแต่งงาน เค้าก็บอกโอเค เพราะช่วงชีวิตเรามันต้องมีช่วงที่แต่งงาน อยากใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ

ทำไมจุดนั้นถึงคิดอยากมีลูก ?

อ้อย : เพราะพี่เป็นคนรักเด็กมาก อยากมีลูกมาก สิ่งที่อยากมีมากที่สุดคือลูก ตอนนี้ที่อยากมีมากที่สุดคือหลาน

ขอถามความรู้สึกหน่อย ถ้าคนเป็นทอมคบกับผู้หญิง ไปเลี้ยงลูกบุญธรรมเป็นลูกของเรา แต่พี่อ้อยคิดว่าอยากมีเป็นของตัวเองเลย ?

อ้อย : อยากมีเป็นของตัวเองเลย ซึ่งเราก็ต้องรู้ว่าเราผ่านชีวิตมาอะไรที่เรามีความสุขที่สุด เพราะเราก็ไม่เคยมีสามี เราก็ลองมีสามี มีครอบครัวดูว่าโอเคมั้ย แต่ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วมันไม่ใช่ ก็ต้องขอไปเป็นตัวของตัวเองดู

พี่ชอบอะไรในตัวเค้า เค้าหล่อ ?

อ้อย : เค้าเป็นคนน่ารัก นิสัยดี

เป็นคนในวงการมั้ย ?

อ้อย : นอกวงการ

ไปเจอกันได้ยังไง ?

อ้อย : เพื่อนของเพื่อนแนะนำให้รู้จัก มีหลายคนนั่นแหละ แต่เค้าขอแต่งก่อน คนไหนขอแต่งก่อนแต่งเลย กลัวไม่ได้แต่ง

แฟนผู้หญิงมางานแต่งมั้ย ?

อ้อย : มาค่ะ เค้าแต่งตัวให้ด้วย

แล้วสามีพี่เค้ารู้จักกับแฟนพี่มั้ย ?

อ้อย : รู้จักค่ะ

ความรู้สึกอึดอัดมั้ย กดดันมั้ย กับความรู้สึกที่จะเปลี่ยนคู่ชีวิตเป็นอีกหนึ่งเพศ ?

อ้อย : พี่ก็ไม่อึดอัดนะ

แสดงว่าต้องมีใจรักเค้า ?

อ้อย : ตอนแรกเอาตรงๆก็ชอบธรรมดา ไม่ถึงขั้นรักหรอก แต่อยากมีครอบครัว อยากมีลูกมาก เพราะว่าชีวิตพี่ที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กไม่เคยอยู่กับคุณพ่อ คุณแม่ พ่อแม่ทำพากย์หนัง ถ่ายละครตลอด พี่อยู่บ้านเสรีรัตน์ครอบครัวนี้เค้าอบอุ่นมาก ทุกคนในครอบครัวไม่มีภรรยาน้อย รักเดียวใจเดียวแล้วเวลาอยู่ในครอบครัวมันมีความสุขมาก ซึ่งพี่เห็นภาพแบบนั้นแล้วอยากมีบ้าง

เราอยากมีครอบครัวแต่เราไม่ได้รักเค้าหมดใจ ไม่เหมือนคู่รักที่ความรักสุกงอมแล้วเค้าสู่ประตูวิวาห์ มันจะทำให้ความสัมพันธ์เรากับสามีพัฒนาไปในลักษณะไหน ?

อ้อย : จริงๆพอแต่งงานแล้ว พี่พลิกตัวเองเลยนะ จากห้าวๆพี่เป็นผู้หญิงเลยเป็นกุลสตรีไทยดูแลอย่างดี แต่พี่เป็นคนไม่ดีพอเค้าเลยมีผู้หญิงอื่น พอเค้ามีผู้หญิงอื่นพี่ก็เลยมีความรู้สึกว่าเลิกดีกว่ากลับมาเป็นตัวของตัวเอง

ภายในระยะเวลากี่ปี ?

อ้อย : ก็ท้องลูกคนที่สอง เค้ามีคนอื่นพี่ก็เลิกเลย แต่ยังไม่ถึงขั้นหย่า พอคลอดลูกแล้วถึงขอหย่าเค้า

ไม่ให้โอกาสเลยหรอ ?

อ้อย : ไม่ค่ะ พอแล้ว พี่ก็เป็นกุลสตรีดีที่สุดแล้ว แต่มันไม่ดีพอสำหรับเค้า ถ้าพี่เป็นคนดีพอเค้าคงไม่ไปมีผู้หญิงคนอื่น

ชีวิตก็ดำเนินมาตามที่พี่ตั้งใจไว้เลย ไม่ว่าจะแต่งงานแล้ว มีลูกแล้ว วันที่พี่ต้องเดินออกจาชีวิตคู่พี่อ้อยต้องนอนร้องไห้กับความผิดหวังของความอบอุ่นครอบครัว ?

อ้อย : เอาจริงหรือเอาดราม่า ถ้าเอาจริงคือไม่รู้สึกอะไรเลย

ไม่มีมุมเสียใจในความรักครั้งนี้หรอ ?

อ้อย : เฉยๆ

ไม่สงสารลูกหรอว่าลูกเราจะไม่มีครอบครัว ?

อ้อย : พี่มีความรู้สึกว่าพี่เลี้ยงลูกได้ พี่จะสอนลูกพี่ว่าคนเราถ้าเรารักใครซักคนถ้าเค้ามีความสุขยังไงเราต้องให้เค้าตรงนั้น แล้วการที่อยู่ด้วยกันแล้วทะเลาะกันต่อหน้าลูก มันทำให้ครอบครัวไม่มีความสุข ถึงเลิกกันแต่เราก็เป็นเพื่อนกัน ไปมาหาสู่กัน

ตอนแรกๆที่ตัดสินใจแยกทางกัน หย่าร้างกัน ช่วงแรกมีการง้อขอคืนดีกันบ้างมั้ย ?

อ้อย : พี่ขอหย่าเค้า เค้าไม่หย่า ก็ต้องให้คุณแม่ไป พอเจอแม่ปั๊ป เค้าก็ครับ ยอมหย่า

แล้วทำไมแม่ถึงเข้าข้างเรา ?

อ้อย : แม่อ้อยก็เหมือนอ้อย ทำยังไงก็ได้ให้ลูกมีความสุข

ตอนนั้นบอกกับลูกๆมั้ย ?

อ้อย : ตอนนั้นลูกยังเล็กอยู่ พี่ก็เอาลูกมาเลี้ยง ลูกอยู่กับฝั่งพี่ พอลูกเข้าโรงเรียนคุณย่า แม่ของสามีเค้าก็ขอลูกไปเลี้ยงเพราะตอนนั้นพี่ทำงานดีเจเปิดแผ่นอยู่กลางคืน กลางวันทำงาน เค้าก็ขอเอาไปเลี้ยง เพราะเราไม่มีเวลา เราก็มองว่าไปอยู่บ้านเค้า ก็คงจะอบอุ่นมากกว่า เพราะว่าบ้านเค้า โกสิยพงษ์ เป็นบ้านที่อบอุ่นมาก พอลูกไปอยู่ลูกก็มีความสุข เพราะทุกคนดูแลดี พอเสาร์ อาทิตย์ก็มาหาเรา ทุกวันนี้เราก็ยังติดต่อกันอยู่

พี่อ้อยเป็นผู้หญิงที่แมนมากเลย อยากฟังคำพูดที่พี่ขอสามีหย่า ?

อ้อย : ที่จำได้ก็ ขอหย่าได้มั้ย มีแฟนใหม่แล้วก็หย่าดีกว่ามั้ย อยู่ด้วยกันทำไม ไปอยู่กับคนนั้นดีกว่ามั้ย ในเมื่อไม่มีความสุขก็แยกย้ายดีกว่า

กลับมาเป็นตัวขอตัวเองได้ไม่เท่าไหร่ ฝ่ายสามีเก่าก็มีคนใหม่ พี่ก็เข้าไปรับรู้ ?

อ้อย : ก็เป็นเพื่อนกัน

ไปดูแลเค้าด้วย ?

อ้อย : เค้าก็มีลูกสองคน ก็เหมือนกันกับลูกเราเหมือนกัน

ภรรยาเค้ามีมาปรึกษาพี่มั้ย ?

อ้อย : ก็มีเหมือนกัน ตอนนี้ก็ยังติดต่อกันถึงทุกวันนี้อยู่ ลูกเค้าลูกเรา ก็ยังจอยกันอยู่ ลูกเค้าก็เหมือนลูกเรา ลูกเราก็เหมือนลูกเค้า ลุกเราก็เรียกเค้าว่าแม่ยุ้ย

ได้ยินมาว่าอดีตสามีพี่เสียชีวิตไปแล้ว ?

อ้อย : เสียตอนพี่ไปอยู่เมืองนอก

พี่ก็ไม่ได้ใช้เวลาในช่วงวินาทีสุดท้ายของชีวิตกับเค้า ?

อ้อย : ไม่ค่ะ ช่วงหนึ่งที่พี่อยู่เมืองไทยอยู่ เค้าเลิกกับภรรยาเค้า แต่ไม่ใช่พี่ยุ้ยนะ เค้าก็มาอยู่บ้านพี่ ลูกมาขอบอกว่าแม่ให้พ่อมาอยู่ได้มั้ย เราก็บอกว่าได้ก็ให้มาอยู่ห้องลูก

กลับมาอยู่กี่ปี ?

อ้อย : ก็ 2-3 ปี เค้ามาอยู่กับพี่ ตอนนั้นพี่ก็มีแฟน แต่พี่ไม่ค่อยได้คุยอะไรกับเค้าเท่าไหร่หรอก แฟนพี่ยังบอกเลยว่าพี่ใจร้ายทำไมไม่คุยกับเค้า เวลานั่งดื่มก็ชวนเค้ามาด้วยซิ เพราะเค้ากลัวพี่ พอพี่เข้าบ้านเค้าก็เข้าห้องลูกทันที พอเรียกออกมาดื่มตั้งแต่นั้นก็เฮฮาปาร์ตี้กันไป

ฝากแง่คิดให้บางครอบครัวที่ไม่กล้าคุย ทำยังไงที่เวลาเปิดใจคุยกับลูกๆแล้วทำให้เค้าไม่ขาดความอบอุ่นแบบบ้านพี่อ้อย

อ้อย : มีอะไรคุยกัน เราต้องกล้าเปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ๆ ยอมรับความคิดของลูก ลูกเค้าคิดยังไง เราก็ต้องเอามาปรับความคิดเรา บางครั้งเราอาจจะผิด เพราะเด็กสมัยนี้เค้าสมัยใหม่ เค้าเก่งกว่าเรา เราต้องยอมรับ เอาง่ายๆถ้าเรารักใครเราต้องรู้ว่าคนที่เรารักเค้าเป็นยังไง เราต้องพร้อมที่จะแก้ไขให้กับทุกสิ่งทุกอย่าง คนเป็นพ่อแม่ต้องเสียสละ ตอนนี้ไม่มีแฟนก็ลูกด้วยแหละ

ถ้าลุกดูอยู่อยากบอกอะไรลูก ?

อ้อย : ก็ต้องเปิดใจ แม่แก่แล้วก็ต้องมีคนดูแลบ้าง คือเค้าไม่ได้หวงแม่หรอก แต่เค้าบอกว่ามีแฟนอายุน้อยกว่าเค้ามันน่าเกลียดมั้ยแม่

จะครองโสดแบบนี้ไปอีกนานมั้ย แล้วถ้ามีคนเข้ามายังจำกัดเพศมั้ย ?

อ้อย : ถ้าสมมุติว่าถ้าคุยกันรู้เรื่อง แต่ขอเป็นผู้หญิงดีกว่ามั้ย

ดูเหมือนชอบคนเด็กกว่า คนที่เข้ามาต้องวุฒิภาวะประมาณไหน ?

อ้อย : เมื่อก่อนก็คิดไว้ว่า 25 แต่พอตอนนี้ 60 กว่าแล้ว ขอซัก 30-40

มีสเปคลึกไปกว่านั้นมีมั้ย ?

อ้อย : ก็ต้องขาวๆ ธรรมะ ธัมโม หน้าตาดี หุ่นดี

ต้องเจ้าระเบียบด้วย เพราะพีอ้อยบอกว่าติดความเจ้าระเบียบมาจากคุณแม่( มารศรี อิศรางกูร ณ อยุณยา)?

อ้อย : คุณแม่เจ้าระเบียบมาก ทำอะไรก็ต้องเก็บเอง บอกว่าไม่ต้องทำ เพราะกลัวล้ม

ทุกวันนี้คุณแม่มารศรี อายุ 98 ปี ยังลุกขึ้นมาเก็บที่นอนเอง ?

อ้อย : ใช่ เก็บที่นอนเองอะไรเองหมด

คุณแม่ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว ?

คุณแม่ : 90 เท่าไหร่ไม่รู้

อ้อย : 98 แล้ว

คุณแม่มารศรีเจ้าระเบียบจริงมั้ยคะ ?

คุณแม่ : ชั้นไม่ใช่เจ้า ชั้นเป็นคนธรรมดา

คุณแม่เป็นคนดุมั้ย ?

คุณแม่ : ไม่ดุ ใจดี

บ้านพี่มีกิจกรรมอะไรทำไมแม่พี่ถึงได้ทำการแสดงแล้วก็เล่นได้อย่างคล่องแคล่วมาก ?

อ้อย : ทุกวันนี้ เมื่อไหร่เค้าจะมาจ้างชั้นเล่นละครซักที ชั้นอยากเล่นละคร แล้วจำบทได้มั้ยเนี่ย

คุณแม่ : ฉันน่ะหรอ สมัยก่อนชั้นจำได้ว่าชั้นเป็น มารศรี อิศรางกูร นะ

คุณแม่มารศรีรักการแสดงมาก ทุกวันนี้ยังคิดถึงกองถ่ายใช่มั้ย ?

คุณแม่ : ใช่

อ้อย : เวลาถ่ายละครเค้าก็ไปด้วย

เห็นว่าแอบนั่งมอเตอร์ไซด์ไปตลอดเอง ?

อ้อย : ตอนอยู่บ้านพี่เต่า เค้าก็บอกว่าแม่หายๆ สรุปนั่งมอเตอร์ไซด์ไปตลาดเอง ส่วนประสบการณ์ตัวพี่เอง ไปตลาด ล็อครถเสร็จ แม่อย่าไปไหนนะจ๊ะ อยู่ตรงนี้หนูวิ่งไปเดี๋ยวเดียว ห้ามไปไหนเด็ดขาด พี่ก็วิ่งไปซื้อน้ำมันมะพร้าวเสร็จกลับมาที่รถ คุณมารศรีหาย พี่วิ่งทั่วตลาดเลย ปรากฏว่าเดินไปหน้าห้องน้ำ เค้าเดินยิ้มอกมาเดินดูโน่น ดูนี่ ไม่ได้สนใจใครเลยว่าชั้นจะเป็นลมแค่ไหน

อายุเท่าไหร่ตอนนั้น ?

อ้อย : เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว

คุณแม่อยู่บ้านดื้อมั้ย ?

อ้อย : ดื้อค่ะ เนื่องด้วยแข็งแรง ไม่ชอบให้ใครอาบน้ำให้ ซึ่งพี่บอกว่าไม่ได้ มีเด็กดูแลเค้าสองคนผลัดกัน ถ้าพี่อยู่บ้านจะอาบน้ำให้เค้า เค้าบอกว่าไม่ชอบให้ใครมาอาบน้ำให้

คุณแม่ : ก็นี่ชอบแก้ผ้าฉันไปอาบน้ำ อาบน้ำทีไรต้องดุทุกที ฉันจะอาบเองก็ตามมาจะอาบให้เห็นว่าคุณแม่สนิทกับหลานลูกชายของพี่อ้อย ?

คุณแม่ : เค้ามาทีไรก็ซื้อขนมให้ยายบนเตียงแล้วก็มาจูบฉันแล้วก็ไป ชอบหมดแหละที่เป็นขนม

แล้วน้ำตาลในเลือดแม่มรปัญหามั้ย ?

อ้อย : ไม่มีเลย เช็ดทุกอย่าง ทุกเดือน เพราะคุณแม่เค้าติดออกกำลังกาย เค้าติดเป็นนิสัยแล้ว บางทีตีสามลุกขึ้นมาออกกำลังกาย

พี่อ้อยคิดว่าความรักเป็นเกราะป้องกันอะไรได้บ้างในชีวิต ?

อ้อย : คนเราถ้ามีความรักไม่ว่าจะครอบครัวหรืออะไรก็ตาม ถ้าเรามีความรักเราจะมีความสุข

ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 13.35-14.35น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

HTML::image( HTML::image( HTML::image(