การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธุปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ ประทับพระราชอาสน์ ทรงศีล รองศาสตราจารย์ สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และประธานกรรมการองค์การองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรและหนังสือที่ระลึก แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นางกรรณิการ์ เฉิน รองผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรและหนังสือที่ระลึก แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กราบบังคลทูลถวายรายงานความเป็นมาของการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์พระรามเก้า พร้อมทั้งกราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯ ทรงประกอบพิธีเปิด "พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า" เสด็จออกจากพลับพลาพิธี ไปยังแท่นพิธีทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้ายชื่ออาคาร "พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า" เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ประทับพระราชอาสน์ที่เดิม ทรงหลั่งทักษิโณทก
จากนั้น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ กราบบังคมทูลเบิกผู้ให้การสนับสนุนการจัดสร้าง "พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า" เข้ารับพระราชทานของที่ระลึก จำนวน ๒๕ ราย ตามลำดับ ต่อมานายสุวรงค์ วงษ์ศิริ รองผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายแผ่นศิลา ทรงลงพระปรมาภิไธย และพระนามาภิไธยในแผ่นศิลา จากนั้น เสด็จ ฯ ไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์
เสด็จออกจากพลับพลาพิธี เข้าภายในอาคาร "พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า" เสด็จขึ้นชั้น ๒ (โดยบันไดเลื่อน) ทอดพระเนตรนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์ ประกอบด้วย ๓ ส่วนหลัก ได้แก่ ๑. OUR HOME นำเสนอเรื่องราวของการก่อกำเนิดจักรวาล ระบบสุริยะและโลก วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต จนเกิดสายพันธุ์มนุษย์ที่อาศัยอยู่บนโลกมาจนถึงปัจจุบัน ๒. OUR LIFE นำเสนอเกี่ยวกับสภาพสิ่งแวดล้อมและการปรับตัวของสิ่งมีชีวิต รวมถึงมนุษย์ภายในชีวนิเวศต่าง ๆ ๗ แห่งทั่วโลก รวมทั้งเขตภูมินิเวศของประเทศไทย ๓. OUR KING นำเสนอหลักคิด หลักการและวิธีการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่พระองค์ทรงใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ซึ่งพระปรีชาสามารถและพระเกียรติคุณเป็นที่ประจักษ์ทั้งในประเทศและในประชาคมโลก
สมควรแก่เวลา เสด็จ ฯ ไปยังห้องประทับรับรองทรงลงพระปรมาภิไธย และพระนามาภิไธยในสมุดที่ระลึก ประทับพักพระราชอิริยาบถ ตามพระราชอัธยาศัย เสด็จออกจากห้องประทับรับรองไปยังห้องฉายพระบรมฉายาลักษณ์ ฉายพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี และคณะผู้บริหารกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และผู้บริหารองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ จำนวน ๒ ชุด เสด็จออกจากห้องฉายพระบรมฉายาลักษณ์ ไปยังชั้น ๑ (โดยบันไดเลื่อน) เสด็จออกจากอาคาร "พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า" กลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
"พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า" หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า "Rama 9 Museum" เป็นโครงการที่ริเริ่มเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ โดยคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ อนุมัติงบประมาณ ๑,๘๙๐ ล้านบาท เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ให้ดำเนินการจัดสร้าง ภายใต้หัวข้อหลักในการนำเสนอ คือ "พระมหากษัตริย์นักพัฒนา การอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน" เพื่อแสดงให้เห็นถึงหลักการคิด วิธีการทรงงาน และกระบวนการค้นหาคำตอบตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงนำไปแก้ปัญหา พระราชทานแก่พสกนิกรในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย
"พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า" เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และใหญ่ติดอันดับ ๑ ใน ๓ ของโลก ด้วยมีเนื้อที่กว่า ๔๒ ไร่ นำเสนอสาระที่เป็นหลักคิด หลักการ หลักปฏิบัติ ในเชิงกระบวนการที่เป็นสากล สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทุกระบบนิเวศ โดยใช้การแก้ปัญหาตามสภาพ ภูมิสังคมที่แตกต่างกันและการอยู่อย?างยั่งยืนกับธรรมชาติ อันจะนำไปสู่การมีจิตสำนึกในการอนุรักษ์ระบบนิเวศ ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ และการเตรียมการรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างรู้เท่าทัน ตามแนวคิดและหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงพระราชทานไว้
"พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า" มีกำหนดเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในเดือนธันวาคม ๒๕๖๒ ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา และพิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ ที่มีอยู่เดิมขององค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ๐๒ ๕๗๗ ๙๙๙๙ ต่อ ๒๑๒๒
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit