นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้บริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมอย่างเคร่งครัด ปรับการระบายน้ำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละช่วงเวลา โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯ เพื่อไม่ให้กระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายอ่างฯ อีกทั้งยังเน้นย้ำให้ทุกโครงการชลประทานบูรณาการทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ฝ่ายความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทั่วถึง รวดเร็ว และทันต่อเหตุการณ์
จากนั้นได้เดินทางไปเปิดกิจกรรม "เตรียมความพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือรับสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ปี 2562" พร้อมปล่อยขบวนคาราวานเครื่องมือ เครื่องจักร เครื่องมือต่าง ๆ เข้าประจำจุดเสี่ยง เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือพื้นที่หากเกิดอุทกภัยได้ทันที ซึ่งได้มีการกำหนดพื้นที่เฝ้าระวังอุทกภัยภาคใต้ทั้งหมด 89 จุด ใน 16 จังหวัด และเตรียมความพร้อมด้านเครื่องมือเครื่องจักร อาทิ เครื่องสูบน้ำจำนวน 464 เครื่อง โดยดำเนินการติดตั้งแล้ว 49 เครื่อง และสำรองอีก 415 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำจำนวน 300 เครื่อง ดำเนินการติดตั้งแล้ว 28 เครื่อง และสำรองอีก 272 เครื่อง รถแทรกเตอร์และรถขุดจำนวน 308 คัน เครื่องจักรกลสนับสนุนอื่น ๆ อีกจำนวน 170 หน่วย รวมเครื่องจักรเครื่องมือทั้งหมด 1,242 หน่วย
ด้าน ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์น้ำภาคใต้ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 10 ก.ย. 62) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ เขื่อนแก่งกระจาย เขื่อนปราณบุรี เขื่อนรัชประภา และเขื่อนบางลาง มีปริมาณน้ำรวมกัน 5,513 ล้าน ลบ.ม. อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 46 แห่ง มีปริมาณน้ำรวมกัน 351 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนขนาดเล็ก 106 มีปริมาณน้ำรวมกัน 31 ล้าน ลบ.ม. จากการคาดการณ์ปริมาณฝนเฉลี่ย ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่จะมีปริมาณน้ำรวมกัน 5,705 ล้าน ลบ.ม. และจากการคาดการณ์ปริมาณฝนเฉลี่ย ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2562 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่จะมีปริมาณน้ำรวมกัน 5,930 ล้าน ลบ.ม.
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit