การแข่งขันรายการ Moto2 ฤดูกาล 2019 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มต้นด้วย อเล็กซ์ มาร์เกซ (Alex Marquez) ผู้นำในการแข่งขันจาก ทีม EG 0.0 Marc VDS ออกตัวในตำแหน่งโพลโพสิชั่น โชว์ฝีมือสร้างสถิติต่อรอบและขึ้นนำในสองรอบแรก จนกระทั่ง ลูก้า มารินี (Luca Marini) ผู้ออกตัวในลำดับที่สี่ทำให้ อเล็กซ์ มาร์เกซ ต้องเผชิญกับแรงกดดัน ด้วยการแซงขึ้นนำและกลายเป็นผู้นำในการแข่งขัน ซึ่งนักแข่งชาวอิตาเลี่ยนคนนี้ได้โชว์ฟอร์มสุดโดดเด่น และคว้าชัยชนะไปอย่างขาดลอย จึงทำให้เขากลายเป็นผู้ชนะคนที่หกของการแข่งขัน Moto2 ฤดูกาล 2019
เนื่องจากไม่มีฝนตก อุณหภูมิจึงสูงขึ้นถึง 33 องศาเซลเซียส ซึ่งร้อนแรงเท่ากับศึกการต่อสู้ชิงตำแหน่งโพเดียม ในขณะที่ อเล็กซ์ มาร์เกซ (Alex Marquez) ต้องเผชิญแรงกดดันเพิ่มขึ้น เมื่อเขาต้องต่อสู้กับนักแข่งอีกสี่คนเพื่อชิงตำแหน่งที่สอง โดย อีเกร์ เลโกวนา (Iker Lecuona) จากทีม American Racing ได้แสดงฝีมือเป็นที่น่าประทับใจ พร้อมทะยานขึ้นจากลำดับที่สิบ มาอยู่ลำดับที่สองในรอบที่ 14 แต่เขากลับต้องพลาดท่าให้กับ แบรด บินเดอร์ (Brad Binder) จากทีม Red Bull KTM Ajo ในรอบสุดท้ายที่ออกตัวในลำดับที่ 12 แต่อย่างไรก็ตาม อีเกร์ เลโกวนา (Iker Lecuona) ก็สามารถคว้าโพเดียมแรกของเขาในการแข่งขัน Moto2 มาได้สำเร็จ
ทั้งนี้ในปีที่สองของการแข่งขัน Moto2 ณ สนามแข่งในจังหวัดบุรีรัมย์ ถือเป็นครั้งที่แปดในฤดูกาลนี้ ที่เกิดการทำลายสถิติเกิดขึ้น ด้วยพลังของเครื่องยนต์ไทรอัมพ์ Moto2 แบบ 3 สูบ 765 ซีซี โดยสถิติใหม่เหล่านี้เกิดขึ้นในรอบคัดเลือก ซึ่งก็คือสถิติต่อรอบ และความเร็วสูงสุดที่ 281.9 กม./ชม. นอกเหนือจากความสูสีของการแข่งขันในปีนี้ พบว่ามีนักแข่งสี่คนได้สร้างสถิติความเร็วสูงสุดเท่ากัน ได้แก่ นิโคโล บูเลก้า (Nicolo Bulega) และ ลูก้า มารินี (Luca Marini) จากทีม Sky Racing Team VR46 รวมถึง เรมี การ์ดเนอร์ (Remy Gardner) จากทีม ONEXOX TKKR SAG และ อันเดรีย โลคาเตลลี (Andrea Locatelli) จากทีม Italtrans Racing Team
มร.สตีฟ ซาร์เจนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เปิดเผยว่า "การแข่งขันครั้งนี้ นับว่ายอดเยี่ยมมากที่มีผู้ชนะการแข่งขัน Moto2 คนใหม่ ด้วยการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ไทรอัมพ์ ในโอกาสนี้ต้องขอแสดงความยินดีกับ ลูก้า มารินี และทีม Sky Racing VR46 อีกทั้งเรายังได้ต้อนรับนักแข่งหน้าใหม่สู่โพเดียมเป็นครั้งแรกขอแสดงความยินดีกับ อีเกร์ เลโกวนา และทีม American Racing ที่ได้ครองโพเดียมกับ แบรด บินเดอร์ ที่ได้ยืนบนโพเดียมเป็นเป็นครั้งที่ 6 ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้เห็นการแข่งขันอันสูสีของนักแข่งมากฝีมือ และยังเป็นที่น่าพอใจที่พบว่ายังมีการสร้างสถิติใหม่ ๆ ในฤดูกาลนี้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น สถิติต่อรอบ และสถิติความเร็วสูงสุด ในสนามการแข่งขันนี้ ซึ่งสถิติทั้งหมด เกิดขึ้นด้วยเครื่องยนต์ไทรอัมพ์ Moto2 แบบ 3 สูบ 765 ซีซี สำหรับประเทศไทยเป็นถือเป็นประเทศที่สำคัญสำหรับไทรอัมพ์เป็นอย่างมาก มีพนักงานหลายคนร่วมมือช่วยกันจัดการแข่งขันครั้งนี้ และพวกเขาได้เห็นนักแข่งหลายคนที่ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมไปพร้อมกับการสร้างสถิติใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง"
อย่างไรก็ตาม เครื่องยนต์ไทรอัมพ์ Moto2 แบบ 3 สูบ ขนาด 765 ซีซี พัฒนามาจากเครื่องยนต์ที่ติดตั้งอยู่ในไทรอัมพ์ สตรีท ทริปเปิล อาร์เอส (Street Triple RS) โดยสามารถแสดงให้เห็นถึงพละกำลังมากกว่า 140 แรงม้า รวมทั้งเสียงของเครื่องยนต์อันทรงพลังได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งนี้หลังความร้อนแรงของการแข่งขันที่จัดขึ้นในประเทศไทย การแข่งขันชิงแชมป์รายการ Moto2 จะหยุดพักเป็นระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ ก่อนกลับเข้าสู่การแข่งขัน 3 สนามต่อเนื่อง ซึ่งจะเริ่มที่ประเทศญี่ปุ่น ในระหว่างวันที่ 18 – 20 ตุลาคมนี้ ตามมาด้วย ออสเตรเลีย และมาเลเซีย ตามลำดับ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.triumphmotorcycles.co.th ตลอดจนติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่ www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand
เกี่ยวกับ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์:
ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศอังกฤษ ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1902 มีพนักงานทั่วโลกราว 2,000 คน มีบริษัทสาขาทั้งในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน อิตาลี ญี่ปุ่น สวีเดน กลุ่มประเทศเบเนลักซ์ บราซิล อินเดีย และไทย ซึ่งทางบริษัทเข้ามาทำการตลาดและจัดจำหน่ายในนาม บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ตั้งแต่ปี 2015 มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการกว่า 620 รายทั่วโลก บริษัทฯ มีฐานการผลิตจักรยานยนต์เต็มรูปแบบ 2 แห่งที่ฮิงค์ลีย์ เขตเลสเตอร์ไซร้ ประเทศอังกฤษ และที่ประเทศไทย รวมทั้งมีโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์แบบ CKD (Completely Knocked Down) ในประเทศบราซิล และประเทศอินเดีย ปัจจุบันมีการผลิตรถจักรยานยนต์ราว 65,000 คันต่อปี โดยหัวใจหลักในการทำงานของ ไทรอัมพ์ คือ การมุ่งมั่นสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ผสมผสานงานออกแบบที่สวย คลาสสิก ร่วมสมัย เข้ากับความแม่นยำในการควบคุมรถ และสมรรถนะอันเป็นเลิศ เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit