พลอากาศตรี หม่อมหลวงประกิตติ เกษมสันต์ นายกสภาสถาปนิก กล่าวว่า "สภาสถาปนิกมีพันธกิจสำคัญในการพัฒนาวิชาชีพสถาปัตยกรรม ควบคู่กับการเผยแพร่และให้บริการด้านงานวิชาการต่างๆ แก่ประชาชนและองค์การที่เกี่ยวกับวิทยาการและเทคโนโลยีทางสถาปัตยกรรม จึงเป็นที่มาของการจัดงานสภาสถาปนิก'19 ซึ่งถือว่าเป็นมิติใหม่ของการจัดงานประชุมเชิงวิชาการและแสดงนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ก่อสร้างระดับนานาชาติ ที่มีความพิเศษกว่างานอื่นๆ เพราะนอกจากจะเป็นงานแสดงนวัตกรรมจากผู้ผลิต ผู้จำหน่ายสินค้าและบริการในอุตสาหกรรมก่อสร้างจากทั่วโลกแล้ว ภายในงานจะได้พบกับสถาปนิกครบทั้ง 4 สาขาวิชาชีพ ได้แก่ สถาปัตยกรรมหลัก สถาปัตยกรรมภายในและมัณฑนศิลป์ ภูมิสถาปัตยกรรม และสถาปัตยกรรมผังเมือง เพื่อเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับงานสถาปัตยกรรม รวมถึงอัพเดทเทรนด์เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ที่สำคัญการจัดงานครั้งนี้ยังได้เชิญวิทยากรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศมาแบ่งปันความรู้และแนวคิดด้านการออกแบบ รวมถึงช่วยสร้างกระบวนการทางความคิดและพัฒนาวิชาชีพให้กับสถาปนิกไทย"
นายประกิต พนานุรัตน์ ประธานจัดงานสภาสถาปนิก'19 กล่าวว่า งานสภาสถาปนิก'19 จะจัดขึ้นภายใต้แนวคิด "RE-ACT: ตอบสนอง ต่อยอด ต่อเนื่อง" เพื่อสื่อถึงการที่ผู้ประกอบวิชาชีพทางสถาปัตยกรรมรวมถึงทุกวิชาชีพต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสังคมปัจจุบัน ด้วยการศึกษาต่อยอดความรู้อย่างต่อเนื่อง" ภายในงานฯ จะมีการจัดเวทีสัมมนาและประชุมเชิงวิชาการทางสถาปัตยกรรม รวมกว่า 30 หัวข้อ แบ่งเป็น 4 รูปแบบ ได้แก่
"นอกจากนี้ ในงานฯ ยังจะมีการจัดการต่ออายุสมาชิกและให้สิทธิพิเศษต่างๆ เพื่อเป็นประโยชน์แก่บุคลากรใน แวดวงสถาปัตยกรรม รวมถึงมีการจัดนิทรรศการแสดงผลงานทางสถาปัตยกรรม เพื่อสร้างแนวคิดและแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมในด้านต่างๆ โดยได้รับความร่วมมือจากองค์กรที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังรวบรวมกิจกรรมที่น่าสนใจและมีประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายของงานไว้อย่างมากมาย" นายประกิต กล่าว
ด้านนายศุภแมน มรรคา ผู้อำนวยการโครงการ บริษัท อารยะ เอ็กซ์โป จำกัด ผู้จัดงานสภาสถาปนิก'19 เผย ถึงความพร้อมในการจัดงานครั้งนี้ว่า "ในขณะนี้ มีผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ก่อสร้างกว่า 500 ราย จาก 30 ประเทศทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น จีน เวียดนาม สิงคโปร์ เยอรมัน อิตาลี ฝรั่งเศส อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ได้ตอบรับเข้าร่วมแสดงสินค้าในงานสภาสถาปนิก'19 ทั้งยังมีแบรนด์ผลิตภัณฑ์ชั้นนำเข้าร่วมงานแล้วกว่า 50 ราย ภายในงานฯ นอกจากจะมีฟอรั่มทั้ง 4 รูปแบบแล้ว ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจเกี่ยวกับนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ก่อสร้างอีกมากมาย เช่น Product Launching Day ที่จัดขึ้นในวันที่ 14 พฤศจิกายน ตั้งแต่เวลา 12.00-13.30 น. ซึ่งเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้แบรนด์ชั้นนำในแวดวงผลิตภัณฑ์ก่อสร้างได้นำเสนอนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ยังไม่เคยเปิดตัวที่ไหนมาก่อน เรียกว่าเป็นการนำนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ในปี 2020 มาให้ผู้เข้าชมงานได้สัมผัสก่อนใคร อาทิ ระบบเจาะยึดเพื่อการติดตั้งผนัง Rain Screen แบบ Dry-process นำเข้าจากเยอรมัน ชุดท่อระบายน้ำสำหรับงานภูมิทัศน์ นำเข้าจากเยอรมัน และ Neolith นวัตกรรมวัสดุปิดผิวประเภทใหม่ที่เกิดจากการนำแร่หินธรรมชาติมาบดละเอียดแล้วหลอมเป็นแผ่นเรียบ เป็นต้น"
นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ที่ทำการจัดแสดงในงาน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ในหมวด Designed for Wellness ที่ตอบโจทย์ด้านพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันมาใส่ใจดูแลทั้งสุขภาพกายและจิตใจตัวเองมากขึ้น อาทิ
ทางด้านบริษัท เอสซีจี ซิเมนต์ – ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ได้สร้าง BIM Center ขึ้น เพื่อนำเทคโนโลยี BIM (Building Information Modeling) มาจัดแสดง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในอุตสาหกรรมการก่อสร้างผ่านกระบวนการออกแบบตั้งแต่เริ่มต้น จึงสามารถช่วยลดของเสียจากการก่อสร้าง (Construction Waste) ด้วยวิธีการสร้างโมเดล 3 มิติ ที่รวมแบบสถาปัตย์ โครงสร้าง และงานระบบเข้าด้วยกัน โดยใส่ข้อมูลของวัตถุองค์ประกอบต่างๆ ในอาคารเข้าไป ทำให้สามารถวางแผนการก่อสร้างและทำ Clash Detection เพื่อตรวจสอบความผิดพลาดผ่านโมเดลก่อนการลงมือก่อสร้างจริง เพื่อให้ประหยัดทั้งเวลา ค่าใช้จ่าย และใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า
บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด นำเสนอ สี GColor รุ่นใหม่ เพื่อเจาะตลาดอาคารอนุรักษ์ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักอาศัยสไตล์ย้อนยุคที่นิยมนำมา renovate เพื่อเป็นร้านอาหาร โฮสเทล หรือโบราณสถานที่ทรงคุณค่า พื้นที่เหล่านี้ต้องมีการใส่ใจในทุกๆ รายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนทั้งรื้อถอนและซ่อมแซม ต้องทำอย่างประณีต การเลือกวัสดุที่นำมาใช้ซ่อมแซมต้องไม่ทำให้พื้นผิวโบราณสถานเดิมได้รับความเสียหายและต้องช่วยรักษาพื้นผิวให้มีความสอดคล้องกับลักษณะของโบราณสถานเดิม
นอกจากนี้ ภายในงานสภาสถาปนิก'19 ยังมีโซน Designer Hub Pavilion หรือพื้นที่สำหรับนักออกแบบจากทุกสาขาวิชาชีพ ซึ่งเป็นสมาชิกของสภาสถาปนิก เพื่อมาพบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง ออกแบบ และตกแต่ง เพื่อเป็นการสร้างโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ ส่วนผู้เข้าร่วมงานที่เป็นบุคคลทั่วไปก็สามารถมาพบกับผู้ให้บริการด้านการออกแบบ ตกแต่ง และผู้ให้บริการด้านการก่อสร้าง ที่สามารถให้คำแนะนำได้ในทุกความต้องการ
นายศุภแมน กล่าวเสริมว่า "จากไฮไลท์ทั้งหมดที่กล่าวไป คาดว่าจะสามารถดึงดูดให้มีผู้เข้าชมงานตลอดทั้ง 4 วัน อยู่ที่ประมาณ 90,000 คน ทั้งจากในและต่างประเทศ สำหรับต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนอยู่ที่ 25% ซึ่งตอนนี้มีผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานแล้ว อาทิ อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เป็นต้น นอกจากนี้ คณะผู้จัดงานฯ ยังมั่นใจว่างานครั้งนี้จะสามารถกระตุ้นอุตสาหกรรมก่อสร้างภายในประเทศได้ ซึ่งสอดคล้องกับบทวิเคราะห์ของธนาคารไทยพาณิชย์ในหัวข้อ Construction Industry 2019 ที่คาดว่ามูลค่าการก่อสร้างรวมของไทยมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นราว 1.38 ล้านล้านบาท คิดเป็น 6.5% เมื่อเทียบกับปี 2018 ซึ่งเป็นผลพลอยได้มาจากการก่อสร้างของภาครัฐในโครงการโครงสร้างพื้นฐานอย่างคมนาคม อีกทั้งการก่อสร้างภาคเอกชนก็ยังมีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตราว 5.6 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 3.5% ซึ่งเป็นผลมาจากการก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า และโครงการอาคารพาณิชย์ อย่างสำนักงาน และโครงการ mixed-use""การเติบโตด้านการก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชนที่กล่าวมาจะเป็นปัจจัยเสริมที่ดึงดูดผู้สนใจให้เข้ามาดูงานสภาสถาปนิกครั้งนี้กันมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นงานที่ได้รวบรวมนวัตกรรมด้านการก่อสร้าง รวมถึงโปรโมชั่นจากผู้ประกอบ การธุรกิจมากมายไว้ในงานนี้งานเดียว"
"สุดท้ายนี้ คณะผู้จัดงานฯ อยากจะขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมงานสภาสถาปนิก'19 ระหว่างวันที่ 14-17 พฤศจิกายนนี้ ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี โดยทางคณะผู้จัดงานฯ มีความตั้งใจและต้องการผลักดันให้งานนี้เป็นงานที่รวบรวมองค์ความรู้ด้านสถาปัตยกรรมและนวัตกรรมในแวดวงอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ครบถ้วนที่สุดของเมืองไทยและยิ่งใหญ่ที่สุดอีกงานหนึ่งในเอเชีย เพื่อให้ทุกคนที่สนใจได้มาอัพเกรดความรู้และเทคโนโลยีจากทุกสาขาวิชาชีพสถาปัตยกรรม" นายศุภแมน กล่าวทิ้งท้าย
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit