เกรซ-รัชย์ณมนทร์ รัชย์จิราธรรม หรือเกรซ The star 6 เด็กสาวที่รักและเติบโตมากับการวาดรูป ฝึกฝนตัวเองทางด้านศิลปวัฒนธรรมมาจากโรงเรียนสิรินธรราชวิทยาลัยในช่วงมัธยมต้น ผ่านรางวัลการประกวดด้านศิลปะต่างๆ มาอย่างโชกโชน แต่แทนที่เธอจะมุ่งมั่นเบนเข็มชีวิตไปในสายศิลปะ เธอกลับหันหน้าให้กับศาสตร์ที่ดูเหมือนจะอยู่อีกฝั่งด้วยเหตุผลที่น่าค้นหา
"ในการวัดคะแนนวิชาศิลปะ เราเกิดคำถามว่าเอาอะไรมาตัดสิน ศิลปะก็คือศิลปะ ใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการตัดเกรด ว่าทำแบบนี้ถูก ทำแบบนี้ผิด ซึ่งเราจะผสมสีอะไรก็ได้ วาดยังไงก็ได้ แล้วใช้อะไรมาวัดว่าสวยหรือไม่สวย เราเลยรู้สึกขัดใจกับการที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ มันไม่แฟร์ เราก็อึดอัดถึงแม้ว่าเราทำได้ดี เลยกลับมามองว่าการคำนวณ คณิตศาตร์ วิทยาศาสตร์มันตายตัว ถ้าเราทำถูกคือถูก ไม่ว่าคุณจะคิดวิธีไหนแต่คำตอบต้องเป็นคำตอบนี้ เราก็เลยรู้สึกว่าวิธีแบบนี้มันแฟร์ เราเลยเลือกเรียนทางนี้"
วิศวกรรมศาสตร์ คือการผสมผสานกันของศิลปะและวิทยาศาสตร์ตามความคิดของเกรซ จึงทำให้เธอไม่ลังเลที่จะเลือกเรียนทางนี้ตั้งแต่ชั้นปวช. หรือเทียบเท่ามัธยมปลาย ที่โรงเรียนเตรียมวิศวกรรมศาสตร์ สาขาไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และมุ่งมั่นในอาชีพนี้จนสำเร็จ การศึกษาระดับปริญญาตรีในปี พ.ศ. 2557 ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาไฟฟ้าเครื่องกลการผลิต หลักสูตรนานาชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และล่าสุดเรียนจบปริญญาโท คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจเรียนแบบนี้แต่เกรซก็ยังหาเวลาในการหารายได้เพื่อนำมาช่วยเหลือครอบครัวตั้งแต่ยังเรียนไม่จบปวช. โดยเธอให้เหตุผลว่าที่เลือกเข้ามาในวงการบันเทิงเพราะว่า เป็นทางเดียวที่เธอรู้จักในเวลานั้น ได้ยินมาว่าหาเงินได้เยอะ
"เห็นพี่อั้ม (พัชราภา ไชยเชื้อ) สะบัดผมในทีวี แล้วแม่บอกว่า เนี่ย เขาสะบัดทีได้เงินเป็นล้านเลยนะ เราก็เอ้ย มันได้เงินเหรอ อะไรที่มันได้เงินเราอยากทำหมดเลย ช่วงแรกที่เข้ามาในวงการบันเทิง ไปถ่ายงานโฆษณาต่างๆ คือมาจากเราอยากหาเงินคือเหตุผลเดียวเลย ไม่มีความหลงใหลใด ๆ ในวงการบังเทิงเลย มันเลยทำให้เราต้องพยายามมากกว่าคนอื่น เพราะเราทำไม่ได้ ไม่มีพรสวรรค์เลย ทำได้ไม่ดีเลย แต่คิดว่าเราไปทำอย่างอื่นไม่ได้แล้ว เพราะตอนนั้นเราก็ยังเด็ก จะไปเป็นเด็กเสิร์ฟ กระเป๋ารถเมล์ก็ยังทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งนี้แหละที่เราต้องทำให้ได้ แล้วถ้าเราทำได้เราก็จะได้เงิน"
หลังจากนั้นชื่อสาววิศวะที่ชีวิตเต็มไปด้วยเหตุและผลก็แจ้งเกิดในวงการบันเทิงจากการประกวด The star ครั้งที่ 6 จนคนทั่วทั้งประเทศรู้จักเธอในนาม 'เกรซ เดอะ สตาร์ 6' และก้าวเข้ามาสู่การเป็นนางเอกภาพยนตร์อย่างเต็มตัวจากเรื่อง The Pool นรก 6 เมตร (2561) ซึ่งเป็นการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอ ทั้งยังได้ประกบกับพระเอกระดับแนวหน้าของเมืองไทยอย่างเคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ อีกด้วย
ชีวิตการเรียนวิศวกรรมศาสตร์ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับการลงมือปฏิบัติ อยู่กับกลุ่มแก๊งผู้ชาย ที่พร้อมลุย พร้อมเลอะจารบีมากว่า 10 ปี ในขณะที่อีกด้านของชีวิตก็คู่ขนานไปกับโลกที่ต้องพาตัวเองให้อยู่ในจุดที่สวยงามอยู่เสมอในวงการบันเทิง ที่ดูแล้วเหมือนจะอยู่คนละขั้วกัน แต่เกรซกลับมองว่าทั้ง 2 สิ่งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนที่ผสานกันให้เธอเป็นเกรซในวันนี้
"ทุกวันนี้เกรซก็ทำงานประจำเป็น Project engineer อยู่แผนก Research & Development แล้วก็ทำงานในวงการบันเทิงด้วย เกรซคิดว่าทั้ง 2 ด้านนี้เป็นตัวตนของเกรซทั้งคู่ เป็นอาชีพของเราทั้ง 2 งาน ที่จริงแล้วงานในวงการทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้นด้วย เพราะเราเริ่มทำงานก่อนคนอื่น ทำให้เรามีความรับผิดชอบต่างๆ มากขึ้น งานแสดงยังช่วยให้เข้าใจคนมากขึ้น ช่วยในเรื่องการสื่อสาร การเล่าเรื่องของเรามากขึ้น ไม่อย่างงั้นเราก็จะเป็นเด็กเนิร์ด ที่ตั้งใจเรียนอย่างเดียว"
สาวเกรซ ได้บอกทิ้งท้ายว่า ถ้าหากจะให้เลือกระหว่างวิศวกรกับงานในวงการบันเทิง เธอก็เลือกไม่ได้เลย ทั้ง 2 อาชีพมันมาคู่กันตั้งแต่แรก ด้านงานในวงการบันเทิง เมื่อได้ทำแล้วก็สนุก และรู้สึกผูกพันจากตอนแรกที่คิดแค่ว่าจะเข้ามาหาเงินช่วยที่บ้าน ก็เกิดเป็นความรักในการร้องเพลงและการแสดง ที่สำคัญอยากพัฒนาตัวเองได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ จึงขอทำทั้ง 2 อย่างต่อไปค่ะ
ไม่แน่นะคะคุณ เร็ว ๆ นี้ เราอาจจะได้เห็นผลงานด้านวงการบันเทิงของสาวเกรซ ควบคู่ไปกับเห็นผลงานนวัตกรรมจากวิศวกรสาวคนนี้ก็ได้ ยังไงใครที่อยากติดตามไลฟ์สไตล์สบาย ๆ ของสาวเกรซ Followers เลยจ้า IG : gracejaa