สมาคมไทยรับสร้างบ้าน (Thai Home Builders Association : THBA) รายงานภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านทั่วประเทศไตรมาสแรกปี 2562 พบว่ามูลค่าตลาดยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่องและใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน โดยคาดว่าเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและประชาชน ที่มีต่อสถานการณ์ทางการเมืองในอนาคตเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากการที่ประเทศไทยจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และกลับสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นและกล้าลงทุนเงินก้อนใหญ่ กับการสร้างบ้านหรือที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดียวกันปีที่แล้ว สะท้อนได้จากปริมาณผู้บริโภคที่สนใจสร้างบ้านใหม่ที่เพิ่มขึ้น และตัวเลขยอดจองสร้างบ้านของสมาชิกสมาคมฯ ที่เติบโตในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา (ไตรมาส 4/2561 - ไตรมาส 1/2562) นอกจากนี้ ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านรายเล็กราย ๆ ที่แข่งขันอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดก็เห็นชัดว่ามีจำนวนบ้านสั่งสร้างเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน
ปี 2562 สมาคมฯ ประเมินตลาด "บ้านสร้างเอง" มีมูลค่า 1.4-1.5 แสนล้านบาท โดยคาดว่ากลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านในนาม "บริษัทรับสร้างบ้าน" หรือ "ศูนย์รับสร้างบ้าน" น่าจะมีแชร์ส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ประมาณ 1.6-1.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งในปีนี้พบว่าผู้ประกอบการที่แข่งขันอยู่ในตลาดรับสร้างบ้านมีความหลากหลายกว่าเดิม ทั้งในแง่ของ จำนวนผู้เล่นในตลาด (Supply) ตำแหน่งทางการตลาด (Position) พื้นที่ให้บริการ (Place) ระดับราคาบ้าน (Price) ขีดความสามารถของธุรกิจ (Capabilities) โดยเฉพาะตลาดรับสร้างบ้านในภูมิภาคหรือต่างจังหวัด ได้แก่ ภาคอีสาน ที่มีผู้ประกอบการขนาดเล็ก รายใหม่ ๆ เกิดขึ้นและเข้ามาแข่งขันมากที่สุด รองลงมาคือ ตลาดรับสร้างบ้านภาคเหนือ และภาคตะวันออก โดยกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็กรายใหม่ ๆ ส่วนใหญ่จะเน้นให้บริการรับสร้างบ้านในระดับราคา 1.5 ล้านบาท - ไม่เกิน 3 ล้านบาท และเลือกเจาะกลุ่มลูกค้าอายุ 30-35 ปี อาชีพข้าราชการ และค้าขายหรือทำธุรกิจส่วนตัวเป็นหลัก ในขณะที่ระดับราคาบ้าน 3-10 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตลาดหลักที่สำคัญของธุรกิจรับสร้างบ้าน พบว่ากลุ่มผู้ประกอบการรายเดิมยังครองส่วนแบ่งตลาดได้มากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านชั้นนำ 3-4 ราย ที่ใช้ระบบโครงสร้างคอนกรีตกึ่งสำเร็จรูป สามารถกวาดแชร์ส่วนแบ่งบ้านระดับราคา 3-10 ล้านบาทได้มากกว่า 70% ของตลาดรวมกลุ่มราคานี้ เหตุผลเพราะ 1. ก่อสร้างได้แล้วเสร็จรวดเร็วกว่า และ 2.ควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอนได้ดีกว่าแนวโน้มและทิศทางตลาดรับสร้างบ้านครึ่งปีแรก
สำหรับ ทิศทางตลาดรับสร้างบ้านไตรมาส 2 นี้ สมาคมฯ คาดการณ์ว่ากำลังซื้อผู้บริโภคมีแนวโน้มทรงตัวหรืออาจปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยปัจจัยสำคัญ ๆ เกิดจาก ประการแรก ผู้บริโภคมีความกังวลต่อการเมืองภายในประเทศและเศรษฐกิจในอนาคต ประการที่สอง การปรับตัวของตลาด ภายหลังจากขยายตัวต่อเนื่องมากว่า 6 เดือน และ ประการสุดท้าย การปรับตัวของผู้ประกอบการ ที่ลดการแข่งขันทางการตลาดลง โดยหันมาเพิ่มความระมัดระวังการบริหารต้นทุนมากขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนค่าแรงและค่าขนส่งมีที่มีผลต่อราคาบ้าน จึงมีแนวโน้มว่าราคาบ้านในช่วงไตรมาส 2 นี้อาจปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ดี การเข้ามาแข่งขันในตลาดของผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ก็เป็นแรงกดดันให้ผู้ประกอบการไม่อาจปรับราคาบ้านได้ไม่ง่ายนัก ด้วยเพราะรายใหม่ ๆ เกือบทุกรายจะเลือกใช้กลยุทธ์หั่นราคาให้ต่ำกว่าคู่แข่ง เพื่อจะชิงแชร์และแข่งขันกับรายเดิม โดยเฉพาะการแข่งขันของตลาดรับสร้างบ้านในต่างจังหวัด ดังนั้น โอกาสและอำนาจต่อรองยังถือว่าผู้บริโภคมีความได้เปรียบในภาวะตลาดรับสร้างบ้านในปัจจุบันอย่างไรก็ตาม สมาคมฯ ประเมินว่าปริมาณและมูลค่าตลาดรับสร้างบ้าน 6 เดือนแรกปีนี้ น่าจะเติบโตได้ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเชื่อว่าจะมีแรงขับเคลื่อนจากนโยบายรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งจะเริ่มผลักดันโครงการต่าง ๆ ให้เดินหน้าต่อเนื่องและรวดเร็วขึ้น และเชื่อว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้สามารถขยายตัวได้ดีตามมา โดยเฉพาะนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า การยกระดับสินค้าเกษตร การสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้แข็งแรงและแข่งขันได้ ภายใต้รูปแบบการค้าเสรีแบบไร้พรหมแดนในโลกยุคปัจจุบัน และการที่ประเทศไทยกลับสู่การปกครองที่เป็นประชาธิปไตยอีกครั้ง มั่นใจว่าการถูกกีดกันทางการค้าและการเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศก็จะกลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งมั่นใจจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้นนายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ความต้องการสร้างบ้านและกำลังซื้อผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น หากเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกในช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ส่งผลให้ตลาดรับสร้างบ้านไตรมาสแรกขยายและเติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีของภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปีนี้ สำหรับบรรยากาศการแข่งขันของผู้ประกอบการรายเดิม ๆ และกลุ่มผู้นำตลาดถือว่ามีการแข่งขันกันเป็นปกติหรือแข่งกันไม่รุนแรงมากนัก แต่สิ่งที่พบและน่าเป็นกังวลก็คือ มีผู้ประกอบการกลุ่มหนึ่งที่เปิดดำเนินธุรกิจได้ไม่นาน ซึ่งใช้วิธีโฆษณาในสื่อโซเชียลมีเดียอย่างหนัก พร้อมกับสร้างแรงจูงใจด้วยการลดราคาบ้านลงต่ำมาก ๆ เรียกได้ว่าเป็นการใช้การตลาดนำ บางรายมีพฤติกรรมแอบอ้างชื่อเจ้าของแบรนด์รับสร้างบ้านหรือวัสดุชั้นนำ เพื่อจะให้มีความน่าเชื่อถือและจูงใจผู้บริโภค นอกจากนี้ ปัญหาที่พบอีกประการคือ การนำเงินที่ได้รับล่วงหน้าจากลูกค้าหรือผู้ว่าจ้าง ไปใช้หมุนเวียนหรือลงทุนในธุรกิจอื่นแล้วประสบปัญหาขาดทุน และเกิดปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน ทำให้เงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจติดขัด ไม่มีเงินชำระค่าวัสดุให้ซัพพลายเออร์ บางรายใช้เล่ห์เหลี่ยมและหลอกลวงผู้บริโภค โดยการเปลี่ยนชื่อบริษัทหรือกรรมการผู้มีอำนาจ แต่ยังคงเป็นผู้บริหารธุรกิจด้วยตัวเองเหมือนเดิม สุดท้ายแล้ว ผู้บริโภคที่ใช้บริการเพราะหลงเชื่อคำหว่านล้อมและราคาที่จูงใจ ก็จะไม่ได้บ้านที่แล้วเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งปัญหาที่กล่าวมาสาเหตุสำคัญเกิดจาก ผู้ประกอบการประเภทนี้ไม่มีความเชี่ยวชาญและขาดประสบการณ์ ทั้งในด้านการจัดการ การวิเคราะห์ต้นทุนที่แท้จริง การบริหารและควบคุมคุณภาพการก่อสร้างบ้าน รวมถึงความไม่ซื่อตรงต่อลูกค้าและการประกอบอาชีพ และยังมีพวกมิจฉาชีพที่เข้ามาเปิดดำเนินการธุรกิจนี้ เพื่อหวังหลอกลวงผู้บริโภคและประชาชน ด้วยเพราะธุรกิจรับสร้างบ้านยังไม่มีกฎหมายเฉพาะ ที่ใช้กำกับและควบคุมผู้ประกอบการโดยตรง
"สมาคมฯ และสมาชิกเองก็มีความกังวลและไม่ได้นิ่งนอนใจ แม้ว่าจะไม่มีกฎหมายใด ๆ มารองรับให้สมาคมฯ เข้าไปช่วยจัดการกับผู้ประกอบการประเภทนี้ แต่ในอีกทางหนึ่งสมาคมฯ ก็หันมาส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็กและรายใหม่ ๆ ที่เข้ามาเปิดดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้าน โดยสมาคมฯ ร่วมกับ กองส่งเสริมธุรกิจบริการ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จัดอบรมเพื่อให้ความรู้ในการบริหารจัดการธุรกิจรับเหมาสร้างบ้านอย่างมืออาชีพ จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ภายใต้หัวข้อ "พัฒนาผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาสร้างบ้าน" โดยเชิญวิทยากรจากบริษัทรับสร้างบ้านที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มายาวนาน ทั้งในด้านการบริหารการก่อสร้าง การคำนวณต้นทุน การตลาด และการจัดการอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างองค์ความรู้และแชร์ประสบการณ์ ให้แก่ผู้ประกอบการที่ต้องการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานธุรกิจของตัวเอง ให้มีการจัดการอย่างเป็นมืออาชีพและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคมากขึ้น" นายสิทธิพร กล่าวสรุป
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit