นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า อุตสาหกรรมสินค้าไลฟ์สไตล์ถือเป็นสาขาธุรกิจที่ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเห็นได้จากมูลการผลิต การส่งออก และการจำหน่ายที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดยการเติบโตที่สูงขึ้นเป็นผลมาจากความสามารถในการพัฒนาธุรกิจของผู้ประกอบการ ทั้งการก้าวนำเทรนด์ต่างๆ ฝีมือที่มีคุณภาพ การผสมผสานความเป็นแฟชั่น ศิลปวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมถึงการเกิดขึ้นของกลุ่มสตาร์ทอัพและการนำนวัตกรรมใหม่ๆมาใช้ จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ไทยที่มีความโดดเด่นทั้งทางด้านดีไซน์และฟังก์ชั่นการใช้งานสำหรับในปีที่ผ่านมาพบว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ มีมูลค่ารวม 12,130 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 385,491 ล้านบาท) ซึ่งในปีนี้กรมฯ ยังคงมองว่าสินค้าไลฟ์สไตล์จะขยายตัวต่อเนื่องในทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็น สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์ ของเล่น เครื่องนุ่งห่ม ฯลฯ โดยมีปัจจัยจากศักยภาพที่เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก และเทรนด์ของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่มีการผลักดันอย่างจริงจังในหลายๆภูมิภาค
เพื่อส่งเสริมการส่งออกสินค้าไลฟ์สไตล์ให้เป็นไปตามเป้าหมาย กรมฯจึงได้จัดงานแสดงสินค้า STYLE Bangkok (สไตล์ แบงค็อก) 2019 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าที่นำเสนอสินค้าไลฟ์สไตล์ ได้แก่ กลุ่มสินค้าแฟชั่น เครื่องหนัง เฟอร์นิเจอร์ ของขวัญ ของใช้และของตกแต่งบ้าน ตลอดจนผลิตภัณฑ์สปา โดยในปีนี้ได้จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์CrenovativeOrigin สะท้อนแนวคิดในการผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ (Creative) นวัตกรรม (Innovation) และอัตลักษณ์ไทย (Original) เข้าไว้ด้วยกัน ชูจุดเด่นของสินค้าไลฟ์สไตล์ของผู้ประกอบการไทยที่มีการต่อยอด การพัฒนาผลงานอย่างสร้างสรรค์ ด้วยการผสมผสานภูมิปัญญากับนวัตกรรมอันทันสมัย เพื่อยกระดับสินค้าไลฟ์สไตล์ไทยสู่เวทีการค้าโลก
นอกจากนี้ การจัดงานดังกล่าวยังตอบโจทย์กับนโยบาย"Local to Global" ที่มุ่งส่งเสริมผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่มฐานรากไปสู่สากล เนื่องจาก กรมฯได้เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตรายเล็กได้มีโอกาสแสดงฝีมือการผลิตสินค้าที่ประณีตจากวัสดุท้องถิ่น อวดสู่สายตาผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ความสามารถพิเศษด้านความคิดสร้างสรรค์ที่อยู่ในดีเอ็นเอของคนไทยมาต่อยอดให้เกิดสินค้าและบริการที่แปลกใหม่ ทันสมัย และมีอัตลักษณ์เฉพาะตัว
ด้าน นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กล่าวว่า ตลาดส่งออกสินค้าไลฟ์สไตล์ที่สำคัญของไทย ที่ยังเติบโตไปได้นั้น เพราะสินค้าของไทยมีจุดเด่นเรื่องการออกแบบ และมีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ส่งออก 5 ประเภทยอดนิยม ที่น่าสนใจในปี 2019 ประกอบด้วย
1. กลุ่มสินค้าของขวัญ ของฝาก ของที่ระลึก โดยเฉพาะตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ถือเป็นกลุ่มที่ให้ความสนใจกับสินค้าและผลิตภัณฑ์ของไทยเป็นอย่างมาก ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะสินค้าที่ระลึกที่อยู่ในกลุ่มอาหาร หรือ Food Gift เนื่องด้วยอัตลักษณ์ในด้านรสชาติ ความคิดสร้างสรรค์ การออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยมีตลาดส่งออกที่สำคัญหลักๆ ได้แก่ จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อินเดีย รวมถึงช่องทางการค้าออนไลน์ที่สามารถสั่งซื้อได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว
2. กลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน คอนโดมิเนียม โรงแรม ที่พักตากอากาศ ทั้งในไทยและต่างชาติ ที่ส่วนใหญ่ต้องมีการตกแต่งเพื่อดึงดูดใจผู้พักอาศัยและผู้ใช้บริการ สำหรับสินค้าที่ได้รับความนิยมจะอยู่ในกลุ่มเครื่องประดับตกแต่งบ้านที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากไม้แกะสลัก เนื่องด้วยความมีเอกลักษณ์ ฝีมือที่เลียนแบบได้ยาก นอกจากนี้ยังมีสินค้าที่ได้รับความนิยม ไดแก่ สินค้าประเภทจิตรกรรมและประติมากรรม อาทิ ปูนปั้น ภาพวาด งานแกะสลัก โดยตลาดส่งออกที่สำคัญ คือ CLMV และยุโรป
3. กลุ่มสินค้าของเล่น สินค้าของเล่นไทย ส่วนใหญ่จะเน้นของเล่นเพื่อการศึกษาและเสริมทักษะ(Educational Toys)ที่เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง และเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคต้องการความปลอดภัยในตัวสินค้าสูง ประกอบกับการพัฒนาด้านการออกแบบสินค้าที่มีทั้งความสร้างสรรค์ ดีไซน์ที่ทันสมัย คุณภาพสินค้าที่ดีกว่าประเทศคู่แข่ง แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่จะทำให้สินค้าในกลุ่มของเล่นเติบโตได้ดียิ่งขึ้นคือการชูนวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยเพื่อให้ดรับการยอมรับจากผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งนี้ ตลาดส่งออกที่สำคัญหลักๆสำหรับสินค้าของเล่นไทย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเยอรมนี โดยคาดว่าจะมีมูลค่า 234.53 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบจากปีก่อนที่ 5%
4. กลุ่มสินค้าเครื่องหนัง เครื่องนุ่มห่ม จุดแข็งสำคัญของไทยในการส่งออกสินค้าประเภทนี้ คือ แรงงานที่มีฝีมือและทักษะสูง การออกแบบเริ่มมีมาตรฐานและมีความเป็นสากลมากขึ้น รวมถึงสินค้าได้รับการยอมรับด้านคุณภาพและฝีมือการตัดเย็บที่ประณีต และมีความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาและออกแบบสินค้าให้ตรงกับความต้องการของแต่ละตลาด โดยตลาดส่งออกที่สำคัญหลักๆ ได้แก่ จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย และอินเดีย
5. กลุ่มสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งนับเป็นสินค้าส่งออกหลักที่ได้รับความนิยมสูงสุดมาอย่างต่อเนื่อง โดยจุดแข็งสำคัญของไทยในการส่งออกอัญมณี คือ การมีความเข้าใจตลาดและเทรนด์ในตลาดโลก ประกอบกับช่างไทยมีทักษะและฝีมือประณีตในการออกแบบและขึ้นรูปเครื่องประดับ รวมถึงอัญมณีท้องถิ่นที่สร้างจุดขาย และเป็นที่จดจำอัตลักษณ์ในด้านการสร้างสตอรี่ที่เป็นที่น่าสนใจ โดยมีตลาดส่งออกที่สำคัญหลักๆ ได้แก่ จีนและสหราชอาณาจักรที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี ภายในงาน STYLE Bangkok 2019 NEA ยังได้มีการจัดสัมมนาเพื่อรับฟังกลยุทธ์และแนวโน้มการค้าการลงทุนกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ ผ่านหัวข้อสัมมนาที่หลากหลาย อาทิ สัมมนาบุกจีนให้ดัง...ปังแบบแบรนด์ใหญ่ยุค 4.0 ด้วยสินค้าไลฟ์สไตล์ สัมมนาความสุข ความสมดุล ในการทำธุรกิจไลฟ์สไตล์ สัมมนาการบริหารงานธุรกิจสร้างสรรค์ให้มีความยั่งยืน ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีบริการให้คำปรึกษา Export Clinic เจาะลึกโอกาสตลาดต่างประเทศกับกูรูพาณิชย์ โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ ณ ห้อง Amber 1-2 และ Silk4 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
สำหรับผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจสามารถติดตามโครงการอบรมและสัมมนาดีดีได้ที่ สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โทรศัพท์ 02 507 7999 หรือ nea.ditp.go.th ,facebook.com/nea.ditp
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit