ฟิทช์ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศ บล. เคที ซีมิโก้ เป็นครั้งแรกที่ 'A+(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

30 Apr 2019
ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) แก่บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด หรือ KTZ ที่ 'A+(tha)' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-Term Rating) ที่ 'F1+(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ พร้อมกันนี้ฟิทช์ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน (senior unsecured debt) ของบริษัทที่ 'A+(tha)'

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับเครดิตภายในประเทศและอันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ อันดับเครดิตภายในประเทศของ KTZ สะท้อนถึงการคาดการณ์ของฟิทช์ถึงโอกาสที่บริษัทจะได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษนอกเหนือจากการสนับสนุนในด้านการดำเนินงานปรกติ (extraordinary support) จากผู้ถือหุ้นใหญ่ซึ่งคือ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB; 'AA+(tha)'/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) โดย KTB มีสัดส่วนการถือหุ้นใน KTZ ที่ 50% พร้อมกันนี้ฟิทช์ให้อันดับเครดิตภายในประเทศแก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน (senior unsecured debt) ของ KTZ ที่ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัท เนื่องจากการผิดนัดชำระหนี้ของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ (default of senior debt) จะถือว่าเป็นการผิดชำระหนี้ของบริษัท (default of the entity)

ฟิทช์พิจารณาให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTZ อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTB 3 อันดับ เพื่อสะท้อนถึงการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของ KTZ มีสัดส่วนการถือหุ้นในระดับที่ใกล้เคียงกัน และจากการที่ชื่อและสัญลักษณ์ทางการค้าของ KTZ มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับธนาคารแม่ในระดับที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ไทยที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยฟิทช์ นอกจากนี้อันดับเครดิตของ KTZ ยังสะท้อนถึงความไม่แน่นอนในนโยบายของรัฐบาลและลำดับความสำคัญในการให้การสนับสนุนแก่บริษัทในฐานะที่รัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มในกรณีที่ KTB ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่โดยตรงของ KTZ ไม่สามารถให้การสนับสนุนแก่บริษัทได้ด้วยฐานะทางการเงินของธนาคารเองในภาวะวิกฤต อย่างไรก็ตาม KTB มีการให้ความสนับสนุนแก่ KTZ ในด้านการดำเนินงานและด้านการเงิน โดยธนาคารให้การสนับสนุนวงเงินสินเชื่อแก่บริษัท และธนาคารยังมีอำนาจควบคุมการบริหารงานผ่านคณะกรรมการบริษัท อีกทั้งยังมีการผสานการดำเนินงาน (integration) ของ KTZ ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์โดยรวมของธนาคารแม่ เช่น การเชื่อมโยงในด้านระบบ IT และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน ในขณะที่ KTZ ก็เป็นผู้นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่สำคัญแก่กลุ่มลูกค้าของธนาคาร ซึ่งแสดงถึงความใกล้ชิดและการสนันสนุนซึ่งกันและกัน (synergy) ระหว่างบริษัทกับธนาคารแม่

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับเครดิตภายในประเทศและอันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ อันดับเครดิตของ KTZ อาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงในฐานะทางเครดิตของ KTB ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตของ KTZ น่าจะเปลี่ยนไปทิศทางเดียวกับอันดับเครดิตของ KTB

ฟิทช์อาจปรับเพิ่มอันดับเครดิตของ KTZ หากฟิทช์เชื่อว่าโอกาส (propensity) ที่ KTB จะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษที่นอกเหนือจากการสนันสนุนในด้านการดำเนินงานปรกติแก่ KTZ มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่าระดับปัจจุบัน เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้ หาก KTB เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน KTZ หรือ KTZ มีบทบาทในเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญขึ้นต่อธนาคาร นอกจากนี้ฟิทช์มองว่าความสามารถในการทำกำไรของ KTZ และการใช้ชื่อและสัญลักษณ์ทางการค้าที่ใกล้เคียงกันมากขึ้น รวมทั้งระดับการเชื่อมโยงและความใกล้ชิดในการดำเนินงานที่มากขึ้นระหว่าง KTZ กับ KTB เป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาระดับความสำคัญของ KTZ ต่อธนาคารแม่

ในทางกลับกันฟิทช์อาจปรับลดอันดับเครดิตของ KTZ หาก KTZ มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อ KTB น้อยลง ซึ่งจะส่งผลให้โอกาสที่ KTB จะให้การช่วยเหลือและสนับสนุนแก่บริษัทปรับตัวลดลง ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้ เช่นในกรณีที่ KTB ลดสัดส่วนการถือหุ้นใน KTZ การที่ KTB ลดระดับการสนับสนุนทางการเงินหรือการปฏิบัติงานที่มีให้กับ KTZ หรือหากผลการดำเนินงานในอนาคตของ KTZ หรือธนาคารแม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญและส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์และลำดับความสำคัญในการดำเนินงาน ซึ่งอาจส่งผลให้มีความไม่ชัดเจนต่อโอกาสที่ธนาคารแม่จะให้การสนับสนุนขึ้น