วันนี้ (26 เม.ย.) มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือ สัญญาตัวแทน ระหว่าง บริษัท ไท่ห่าวชือ กรุ๊ป จำกัด (Thai Hao Chue Group Co.,Ltd.) จากประเทศไทย กับ บริษัท เซินเจิ้น ซงธง โมเดิร์นซัพพลาย เชน แมนเนจเม้นท์ จำกัด (Shenzhen Zhongtong Modern Supply Chain Management Co.,Ltd.) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ร่วมแสดงความยินดี และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เป็นสักขีพยานในพิธี
นายพงชาญ สำเภาเงิน รองกรรมการผู้จัดการ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bankกล่าวว่า ภารกิจของธนาคารมุ่งเติมความรู้คู่เงินทุน พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการขยายช่องทางตลาด โดยรายที่มีศักยภาพจะต่อยอดส่งออกสู่ต่างประเทศในหลากหลายรูปแบบ ทั้งทางออนไลน์ และออฟไลน์ หนึ่งในนั้น คือ โครงการ SME D Bank Business Matching โดยธนาคารร่วมกับศูนย์สร้างโอกาสธุรกิจไทยสู่จีน หรือ Thailand Smart TradeCenter (TSTC) และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจัดมาแล้ว 2 ครั้งต่อเนื่อง ในปี 2561 และ 2562 นำคณะผู้ประกอบการ SMEsไทยไปเจรจาจับคู่ธุรกิจกับผู้ซื้อชาวจีนโดยตรง ณ นครกว่างโจว มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อมหาศาล และที่สำคัญ ผู้ซื้อในท้องถิ่นชื่นชอบและยอมรับในคุณภาพสินค้าไทยมาก
ทั้งนี้ หนึ่งในผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวเมื่อปีที่แล้ว (2561) คือ บริษัท ไท่ห่าวชือ กรุ๊ป จำกัด (Thai Hao Chue Group Co.,Ltd.) ธุรกิจวิจัยพัฒนาผลไม้เมืองร้อนของไทยและแปรรูปผลไม้ฟรีซดราย ผลิตภัณฑ์อาหาร และของฝาก ได้พบปะเจรจาธุรกิจจีนและเกิดการจับคู่ธุรกิจสำเร็จกับบริษัท เซินเจิ้น ซงธง โมเดิร์นซัพพลาย เชน แมนเนจเม้นท์ จำกัด (Shenzhen Zhongtong Modern Supply Chain Management Co.,Ltd.) ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจกระจายสินค้า(โลจิสติกส์) ขนาดใหญ่อันดับต้นๆของสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยมีสัญญาจะรับซื้อสินค้ากลุ่มผลไม้ไทยโดยเฉพาะทุเรียน มะม่วงและมะม่วงหิมพานต์ เพื่อกระจายในตลาดจีน เป็นเวลา 8 ปี ปริมาณซื้อสูงถึงปีละกว่า 2,000 ตัน หรือรวมกว่า 16,000 ตัน ตลอดระยะสัญญา 8 ปีคาดจะสร้างรายได้ถึงมือเกษตรกรรายย่อยคิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่าปีละ 250 ล้านบาท หรือรวม 8 ปี มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท
"ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือครั้งนี้ นอกจากผู้ประกอบการจะมีรายได้เพิ่มแล้ว ที่สำคัญยังส่งต่อประโยชน์ไปสู่เกษตรกรไทยอย่างกว้างขวาง เนื่องจากบริษัท ไท่ห่าวชือ กรุ๊ป จำกัด จะรับซื้อผลไม้จากเกษตรกรผู้ปลูกโดยตรง ในราคายุติธรรมเพื่อนำมาแปรรูปช่วยแก้ปัญหาเกษตรกรถูกกดราคารับซื้อ และสินค้าเกษตรตกต่ำ อีกทั้ง ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ กระจายสู่ชุมชน นอกจากนั้นทำให้ผลิตภัณฑ์การเกษตรไทยสามารถเข้าสู่ตลาดสากลเป็นที่ยอมรับในเวทีโลก" นายพงชาญ เสริม
ทั้งนี้ ธนาคารพร้อมสนับสนุนเงินทุนเพิ่มเพื่อใช้หมุนเวียน ผ่านโครงการ"สินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน" (Local Economy Loan) ไว้รองรับ คิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ผ่อนนานถึงสูงสุด 7 ปี บุคคลธรรมดา 3 ปีแรกเพียง 0.42% ต่อเดือน ปีที่ 4-7 อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี และหากยกระดับเป็นนิติบุคคล อัตราดอกเบี้ยจะถูกลงไปอีก 3 ปีแรกเพียง 0.25% ต่อเดือน ปีที่ 4-7 อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี
ด้าน นางสาวธัญสิริ แซ่ตง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไท่ห่าวชือ กรุ๊ป จำกัด เผยว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัทภายใต้แบรนด์ "ไท่ห่าวชือ" นับเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์หรือ OTOP ขึ้นชื่อของประเทศไทย แต่ละผลิตภัณฑ์ผ่านการวิจัยพัฒนาด้านการผลิตมีมาตรฐานส่งออก
"จุดเริ่มต้น บริษัทมองเห็นศักยภาพสินค้าเกษตรกรไทย มีเอกลักษณ์และรสชาติไม่เหมือนใคร ทว่า ที่ผ่านมา สินค้าเกษตรไทยประสบปัญหาราคาผันผวน บางฤดูกาลผลผลิตขาดตลาด บางฤดูกาลล้นตลาด พี่น้องชาวเกษตรกรไทยจึงได้รับความเดือดร้อน ขณะที่ประเทศจีนมีขนาดใหญ่ และประชากรจำนวนมาก รวมถึง ชาวจีนชื่นชอบมาเที่ยวเมืองไทยมาก แต่สินค้าเกษตรไทยยังไม่ได้ทำการตลาดจีนอย่างจริงจังนัก ทางไท่ห่าวชือ จึงเห็นโอกาส นำทุเรียนหมอนทองมาแปรรูปผ่านเทคโนโลยีฟรีซดราย สามารถคงคุณภาพดีเหมือนกินสดๆโดยให้นักท่องเที่ยวจีนชิมฟรี วันละนับหมื่นซอง จนท้ายที่สุดทุกคนก็ซื้อกลับประเทศไปเป็นของฝากให้กับครอบครัวและเพื่อนๆ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ชาวจีนมีความต้องการที่จะกินและซื้อทุเรียนหมอนทองมากขึ้น" นางสาวธัญสิริ เล่าถึงจุดเริ่มต้นธุรกิจเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว
ผู้บริหาร บริษัท ไท่ห่าวชือ กรุ๊ป จำกัด เผยด้วยว่า ในอดีต คนจีนยังไม่รู้จักทุเรียนหมอนทองมากนัก แต่หลังจากที่ไท่ห่าวชือได้แจกทุเรียนหมอนทองฟรีซดรายให้ชิมทำให้คนจีนรู้จักทุเรียนอย่างแพร่หลายและมีทัศนคติที่ดีต่อทุเรียนไทย ทำให้ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างที่มาจากทุเรียนขายดีในประเทศจีน นอกจากนี้ บริษัทต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อีกมากมาย เช่น มะม่วงอบแห้ง สับปะรดภูแลอบแห้ง ขนุนทองประเสริฐอบกรอบ เนื้อจระเข้อบแห้งรสพริกไทยดำ เนื้อจระเข้อบแห้ง เนื้อมะพร้าวน้ำหอมอบกรอบ มะม่วงหิมพานต์รสมะพร้าว มะม่วงหิมพานต์รสทุเรียน ลูกอมกลิ่นทุเรียน สาหร่ายย่างสอดไส้ทุเรียนหมอนทองอบกรอบ ทอฟฟี่โบราณ และเครื่องดื่มรังนกสำเร็จรูป เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นโรงงานเพียงแห่งเดียวที่ได้รับใบอนุญาตการผลิต "เนื้อจระเข้พริกไทยดำ" แบรนด์ "ไท่ห่าวชือ" ออกโดยหน่วยงานควบคุมความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหารของประเทศไทย ได้มาตรฐานอุตสาหกรรมและได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยมีการทำตลาดต่างประเทศ ทั้งในทวีปยุโรป อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ เดนมาร์ค นอร์เวย์ เยอรมัน ทวีปอเมริกา อาทิสหรัฐอเมริกา แคนาดา และกลุ่มประเทศเอเชีย อาทิ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบ) เวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา และสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นต้น