นายสิริชัย ฤทธิปัญญาวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บีไอดับบลิว โพรดัคส์กล่าวว่า ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาตลาดม่านม้วนเติบโตขึ้นมากโดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสินค้าคุณภาพและมีกำลังซื้อ ซึ่งแบรนด์ Coulisse จากเนเธอร์แลนด์ เป็นแบรนด์ที่ทำตลาดแตกต่างจากม่านม้วนทั่วไป ด้วยนวัตกรรมจากยุโรป มีจุดแข็ง 3 ด้าน คือการดีไซน์ที่เชื่อมโยงกับเทรนด์แฟชั่น ฉะนั้นม่านม้วนของ Coulisse จึงไม่ใช่แค่ม่านบังแสง แต่ยังช่วยเติมมุมมองของความงามและสไตล์ที่ทันสมัยให้กับงานสถาปัตยกรรม
"ในด้านของคุณภาพและนวัตกรรมต่าง ๆ Coulisse มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรมของวัสดุและเนื้อผ้าที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสูงสุดว่าเป็นเนื้อผ้าที่สามารถนำมาสวมใส่ได้โดยไม่เกิดการระคายเคืองต่อผิว และปลอดสารระเหยที่ก่อให้เกิดมะเร็งและไม่ดักจับฝุ่นซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดภูมิแพ้"
นายสิริชัย เสริมว่า "Coulisse ยังเป็นม่านม้วนที่ Eco-Friendly หรือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งด้านคุณสมบัติการสะท้อนความร้อนจากแสงแดด ช่วยลดอุณหภูมิภายในอาคารได้มากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ จึงช่วยประหยัดพลังงาน ทั้งยังป้องกันรังสียูวี และซับเสียงรบกวน รวมไปถึงมีการทดสอบเรื่องการป้องกันลามไฟที่ได้มาตรฐาน ขั้นสูงสุด และเนื้อผ้าที่ใช้ เมื่อเสื่อมสภาพแล้วก็สามารถนำไปรีไซเคิลลดขยะได้อีกด้วย"
ในด้านเทคโนโลยีการบังคับผ้าม่าน Coulisse ตอบโจทย์การใช้งานที่สะดวก สบายด้วยการเชื่อมต่อเทคโนโลยี IOT สามารถควบคุมผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน สั่งเปิดปิดและทำงานตามเวลาที่กำหนดได้อย่างง่ายดายสำหรับผลิตภัณฑ์โชว์เคสที่ Coulisse นำมาจัดแสดงในงาน "สถาปนิก 62" ปีนี้คือ ม่านม้วนที่ทำจากขยะขวดพลาสติกในทะเลที่นำมารีไซเคิล โดยใช้ขวด 57 ขวดต่อหนึ่งตารางเมตร โดยรายรับที่ได้จากม่านม้วนโมเดล Eco-Essence นี้ Coulisse ได้นำไปสนับสนุนกลุ่มแทรชแพคเกอร์ทั่วโลก ในการเก็บขยะในทะเลและชายฝั่งเพื่อนำมารีไซเคิล
นางแสงสุรีย์ อินทเดช ผู้จัดการทั่วไป จาก บีไอดับบลิว โพรดัคส์ กล่าวว่า "ตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่ BiW เป็นผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนจำหน่ายพิเศษแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยของ Coulisse ได้รับการตอบรับจาก อินทีเรียร์ ดีไซเนอร์ เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเมื่อเปิดตัว Royal Blue Roller Blinds Collection BIW by coulisse ในปี 2560 ได้รับเลือกให้ใช้ในสถานที่ชั้นนำต่างๆ มากมายเช่น TCDC เกษรวิลเลจ เป็นต้น"
"คอลเล็คชั่นนี้มีความสวย หรู มีดีไซน์โดดเด่น แตกต่างจากสินค้าอื่น ๆ ในตลาด ขณะเดียวกันก็มีราคาที่จับต้องได้ ทำให้บริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดด สามารถเจาะเข้าสู่ตลาดใหม่ คือตลาดโปรเจคท์ที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ ที่เดิมถูกครองตลาดโดยผู้ผลิตไม่กี่ราย"
นายเดฟ ชาง ผู้อำนวยการฝ่ายขายภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค คูลิส เนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า "สำหรับเทรนด์การเลือกใช้ม่านม้วนในยุโรปปัจจุบัน อินทีเรียร์ ดีไซเนอร์ต่างมองหาผลิตภัณฑ์ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อย CO2 บรรยากาศและสภาพแวดล้อมภายในอาคารที่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพพนักงาน และการใช้ชีวิต รวมไปถึงผลกระทบต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย"โดย Coulisse จะทำงานร่วมกับดีไซเนอร์ เหล่านั้นเพื่อหาโซลูชั่นส์ที่เหมาะสมที่สุด ให้ตอบโจทย์ความต้องการของงานออกแบบและลูกค้าเจ้าของอาคาร เช่นมีการช่วยคำนวณอัตราการประหยัดไฟหากใช้ม่านม้วนของ Coulisse เปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายในการติดตั้งม่านของ Coulisse ทั้งอาคาร รวมไปถึงการให้บริการหลังการขายต่าง ๆ
"ขั้นตอนการออกแบบที่เป็นจุดเด่นของ Coulisse นั้น แต่ละปี Coulisse จะเชิญ Trend Watcher (คนเฝ้ามองเทรนด์) มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และให้คำปรึกษาเทรนด์การออกแบบ จากนั้นทีมดีไซเนอร์ Coulisse จะนำเทรนด์เหล่านั้น มาเป็นแรงบันดาลใจกำหนดทิศทางในการสร้างสรรค์ผลงาน สีสัน ลวดลาย และแม้แต่พื้นผิวของม่านม้วน ออกมาเป็นคอลเล็คชั่นต่าง ๆ ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า"
"ผลิตภัณฑ์ของ Coulisse ประสบความสำเร็จได้รับความนิยมทั่วโลก ในหลาย ๆ อาคารชั้นนำเลือกใช้ม่านม้วนของเรา อาทิ Duo Tower ในประเทศสิงคโปร์ อาคารสำนักงานใหญ่ของ L'Oreal ในบราซิล ซึ่งเป็นผลมาจากการก้าวนำตลาดด้วยการนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์เรื่องการดีไซน์ ฟังก์ชั่น และสุขภาพ"
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit