ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกช่วงอายุตามแรงขาย หลังตลาดผิดหวังต่อท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ ที่ส่งสัญญาณว่าจะไม่ลดดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ เนื่องจากการจ้างงานที่ยังแข็งแกร่ง ถึงแม้ว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะพยายามกดดันให้ธนาคารกลาง ( Fed ) ลดดอกเบี้ยทันที 1% ก็ตาม ในขณะที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน กลับมามีความไม่แน่นอนหลังสหรัฐฯขู่ขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน 200,000 ล้าน USD จาก10% เป็น 25% ในวันที่ 10 พฤษภาคม เพื่อกดดันให้การเจรจาบรรลุข้อตกลงโดยเร็ว ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาดี โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5 bps. มาอยู่ที่ 2.33% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4 bps. มาอยู่ที่ 2.33% และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3 bps. มาอยู่ที่ 2.54%
ส่วนอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศ มีการปรับตัวขึ้นลงในช่วงแคบตามแรงขายของต่างชาติ ตามการอ่อนค่าของเงินบาทจากการส่งออกเดือนมีนาคม ที่ติดลบมากกว่าคาดและความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ในขณะที่นักลงทุนสถาบันกลับมาซื้อเมื่ออัตราผลตอบแทนปรับตัวเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าเงินเฟ้อเดือนเมษายนจะขยายตัวในระดับใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้าก็ตาม โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1 bps. มาอยู่ที่ 1.82% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง 1 bps. มาอยู่ที่ 2.12% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี อยู่ที่ 2.55% ต่อปี ไม่เปลี่ยนแปลง
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน