ชวัล เจียรวนนท์ CEO สแนปอาส์ค (ประเทศไทย) กล่าวว่า "ปัจจุบัน สตาร์ทอัพด้าน EduTech ยังมีจำนวนไม่มาก อาจเนื่องมาจากกลุ่มนักลงทุนให้ความสนใจกับสตาร์ทอัพด้านอื่นๆมากกว่า ผมเองเล็งเห็นถึงโอกาสนี้ บวกกับความสนใจส่วนตัว เพราะตัวผมเอง ถือว่ายังอยู่ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เข้าใจความต้องการของน้อง ๆ นักเรียน โดยเฉพาะความต้องการเรื่องเวลา เพื่อไปทดลองศึกษาสิ่งที่ตัวเองอยากทำหรือตามหาความฝันต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากบทเรียนในห้องเรียน เริ่มจากที่ผมได้มีโอกาสรู้จัก บริษัท สแนปอาส์ค (ฮ่องกง) ผู้พัฒนาแอปฯ สแนปอาส์ค มาตั้งแต่ปี 2558 ผมชอบแนวความคิดของคุณ ทิโมธี หยู ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ โดยเค้าพัฒนาแอปฯ ตัวนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวช่วงเรียนในมหาวิทยาลัยฮ่องกง มีนักเรียนขอให้เขาสอนพิเศษตอนเย็นหลังเลิกเรียน ทำให้ทราบว่าศูนย์กวดวิชาแบบดั้งเดิมนั้นตอบสนองความต้องการของนักเรียนเป็นรายบุคคลได้ไม่ครบถ้วน จึงถือเป็นจุดกำเนิดของสแนปอาส์ค ที่ต้องการสร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่ปลอดภัยและเกิดประสิทธิภาพสูงสุดผ่านติวเตอร์ที่มีความตั้งใจ มีความรู้ มีแนวทางทักษะเฉพาะตัวที่จะสอนนักเรียน ซึ่งที่ผ่านมาแอปฯ นี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหลายๆ ประเทศทั่วเอเชีย อาทิ ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ฯลฯ มีติวเตอร์ในสังกัดมากกว่า 30,000 คน ช่วยติวเด็กนักเรียนมาแล้วถึงกว่าล้านคน"
"สำหรับก้าวปีแรกในประเทศไทย ของ สแนปอาส์ค นั้น เรามีน้อง ๆ นักเรียนเข้ามาใช้บริการกว่า 400,000 คน โดยส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนจากหัวเมืองใหญ่ เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น นครราชสีมา ภูเก็ต หรือแม้แต่น้องที่อยู่บนเกาะก็มีเข้ามาใช้งาน รวมไปถึงนักเรียนในกรุงเทพฯ ด้วย เรามีติวเตอร์คุณภาพที่ทางเราคัดสรร อยู่บนแพลตฟอร์มเราถึงกว่าพันคน มีทั้งติวเตอร์ที่เป็นนักเรียนทุนรัฐบาล นักเรียนอยู่ต่างประเทศ ซึ่งเป็นบุคลากรดี มีคุณภาพ ที่สามารถพูดคุยให้คำปรึกษานักเรียนเป็นภาษาเดียวกัน หรือแม้กระทั่งคุณครูเกษียณอายุ ที่ตั้งใจนำประสบการณ์ที่สั่งสมมาสอนและตอบคำถามแบบตรงจุด การถามคำถามเหล่านี้ผ่านแอปฯ เสมือนการย่อโลกการศึกษาให้เล็กลงมาใกล้ตัวยิ่งขึ้น ซึ่งเหมาะกับนักเรียนในยุค 4.0 นี้ ที่สามารถนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดในการเรียนในห้องเรียนอีกด้วย ความโดดเด่นของแอปฯ นี้ คือการเปิดให้ถามคำถามตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งการทำงานของแอปฯ จะมีระบบอัลกอริทึ่มอัจฉริยะเชื่อมโยงติวเตอร์ที่เชี่ยวชาญในวิชานั้นๆ มาตอบภายใน 1 นาทีแบบตัวต่อตัวและอธิบายจนเข้าใจ จึงเป็นแอปฯ ที่ได้รับการตอบรับจากการทดลองใช้งานเป็นอย่างดี มีการบอกต่อ ปากต่อปาก ส่งผลต่อยอดคำถามและจำนวนนักเรียนผู้ใช้ที่เพิ่มมากขึ้น" คุณชวัล กล่าวเสริม
"เพื่อให้บรรลุเป้าหมายมียอดผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ภายในสิ้นปีนี้ นอกเหนือจากแนวคิด HUMAN TOUCH ที่เน้นการเรียนรู้แบบส่วนตัว โดยยังให้ความสำคัญกับการสื่อสารระหว่างบุคคลแล้ว ยังมุ่งเน้นกลยุทธ์ การสร้างคุณค่าหรือเพิ่มมูลค่าให้กับทุกฝ่ายให้ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นแอปฯที่จะสร้างมูลค่าให้กับนักเรียนเมื่อนักเรียนมีโอกาสได้รับการพัฒนาความรู้แบบเท่าเทียมผ่านเทคโนโลยีที่ดีและมีเวลาไปเรียนเสริมในส่วนที่สนใจ และแอปฯ นี้ยังสร้างมูลค่าให้แก่ติวเตอร์ด้วยการสร้างรายได้เพิ่มเติม รวมถึงการสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับติวเตอร์ทุก ๆ ระดับอายุ โดยเฉพาะติวเตอร์ที่ขยันและได้รับการตอบรับจากนักเรียนเป็นอย่างดี เมื่อมีคนใช้แอปฯ เรามากขึ้นก็ส่งผลต่อการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ ทำให้มีรายได้เพิ่มพูนขึ้น เพื่อนำไปพัฒนาองค์กรและบุคลากรให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น ท้ายสุด เมื่อแอปฯ มีผู้เข้ามาใช้บริการมากยิ่งขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นผลดีกับทุกฝ่าย พ่อแม่ผู้ปกครองจะมีความสุขร่วมไปด้วย เมื่อเห็นลูกสอบได้ดี ผมเองอยากจะผลักดันให้ สแนปอาส์ค ประเทศไทย มีความสมบูรณ์ถึงขีดสุด เพื่อให้ทุก ๆ ฝ่าย ที่อยู่ในวงจรของเรามีคุณค่าและมีความสุขไปพร้อม ๆ กัน" ชวัล เจียรวนนท์ กล่าวทิ้งท้าย
แอปฯ สแนปอาส์ค เปิดให้บริการใน 5 วิชา คือ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา และภาษาอังกฤษ โดยเปิดให้นักเรียนได้ทดลองใช้ฟรีแบบไม่มีค่าใช้จ่ายคนละ 1 คำถาม ขณะที่ค่าบริการจะเริ่มต้นเพียง 35 บาทต่อ 1 คำถาม และแพ็คเกจแบบรายเดือนเริ่มต้นเฉลี่ยเพียง 1,000 บาท สำหรับนิสิตนักศึกษาที่สนใจจะสมัครเป็นติวเตอร์ สามารถติดต่อได้ที่ [email protected] หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.snapask.com
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit