พระวิเชียรโมลีอธิบายคุณประโยชน์การเจริญพระกรรรมฐานให้ฟังว่า ในส่วนเจริญพระกรรรมฐานสมถภาวนา และวิปัสสนาภาวนานั้นนับว่าเป็นมหากุศล เป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่กว่ากุศลใดๆ อุปมาว่าถ้าบุคคลผู้ใดผู้หนึ่งได้ฝึกเจริญพระกรรมฐาน แค่ชั่วระยะเวลาช้างกระดิกหู งูแลบลิ้นเท่านั้นแหละก็เป็นอานิสงส์มหาศาล ผลดีประการแรกคือ เพื่อจะฝึกอบรมจิตใจให้ถึงมีความเพียรที่จะสร้างความดี ระวังมิให้บาปเกิดขึ้นในจิตใจ และเพียรพยายามให้คุณงามความดีเกิดขึ้นในจิตใจ
การได้ฝึกเจริญพระกรรมฐานในขณะ หรือเวลาใดเวลาหนึ่งจะเป็นเวลาที่มีแต่กุศลหรือความดีเกิดขึ้นในจิตใจ อกุศลกรรมต่างๆก็จะไม่เกิดขึ้น และบุคคลผู้ที่ฝึกเจริญพระกรรมฐานประจำ จะทำให้จิตใจมีความเพียร มีความพยายาม มีความหมั่นที่จะสร้างกุศล
ประการที่สอง เป็นการฝึกให้มีความอดทน เริ่มตั้งแต่อดทนในการปฏิบัติ ถ้านั่งภาวนาอาจจะเกิดความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เกิดความเจ็บปวด เกิดทุกขเวทนาขึ้น แต่ถ้าเราฝึกและตั้งใจบำเพ็ญเป็นประจำแล้ว จะมีความอดทนต่อสู้กับทุกขเวทนาเหล่านั้น เมื่อสามารถต่อสู้กับทุกขเวทนาเหล่านั้นแล้ว จะทำให้เราฝึกอบรมจิตใจของตนให้สูงยิ่งๆขึ้นไป
ประการที่สาม คนส่วนมากแล้วมักจะขาดสติ แต่ถ้าฝึกเจริญพระกรรมฐานประจำ ฝึกกำหนดอิริยาบถน้อยใหญ่ เริ่มต้นตั้งแต่กำหนดฝึกอิริยาบถเดินจงกรม ฝึกอิริยาบถนั่งเจริญภาวนา กำหนดลมหายใจเข้าออกเป็นต้น กำหนดรู้เช่นนี้แล้วก็จะทำให้สติเกิดขึ้น
"จากการที่เป็นคนขาดสติ หรือไม่ค่อยมีสติ สติก็จะสมบูรณ์ขึ้น ยิ่งฝึกมากเท่าไหร่ สติก็จะสมบูรณ์มากขึ้นเท่านั้น เมื่อสติสมบูรณ์มากขึ้นก็จะมีผลมีอานิสงส์ คือการดำเนินชีวิตประจำวันของเราจะใช้ชีวิตอย่างมีสติ เป็นคนไม่หลงๆ ลืมๆ ทำกิจการงานอะไรจะมีสติ สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพไม่หลงลืม
ยิ่งไปกว่านั้น หากเราเป็นคนมีสติสมบูรณ์แล้ว หรือเป็นคนมีสติมากขึ้น จะมีสติรู้เท่าทันกิเลสที่เกิดขึ้นในใจ เมื่อเกิดความไม่พอใจ เกิดความโกรธขึ้น มีสติรู้เท่ารู้ทันก็สามารถระงับกิเลสต่างๆเหล่านั้นไม่ให้ครอบงำได้ หรือสามารถส่งไม่ให้ตนไปแสดงออกตามอำนาจกิเลสต่างๆเหล่านั้นได้"
การฝึกเจริญพระกรรมฐาน จึงเป็นการฝึกให้มีสติ และเมื่อมีสติแล้ว จะสามารถทำอะไรได้ทุกอย่างโดยไม่ผิด และทำให้เกิดสมาธิด้วย คนเราส่วนมากแล้วจิตใจค่อนข้างจะฟุ้งซ่าน เมื่อจิตใจไม่เป็นสมาธิแล้ว ทำให้จิตใจว้าวุ่น วุ่นวายไม่สงบ และเป็นทุกข์ หลายๆคนนอนไม่หลับ เป็นทุกข์หนักก็มี แต่ถ้าเคยฝึกเจริญพระกรรมฐานแล้ว จิตใจจะมีสมาธิ จิตใจตั้งมั่น ทุกข์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจากอารมณ์ที่มากระทบจะน้อยลงไป
จะเห็นได้ว่า คนเราบางคนนั้นใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่คนบางคนแม้จะมีทรัพย์สินเงินทองมาก แต่ก็ไม่มีความสุขอย่างแท้จริง เพราะเขานั้นไม่เคยฝึกเจริญพระกรรมฐาน ไม่เคยฝึกอบรมจิตใจของตนเลย
ถ้าพัฒนาจิตใจด้วยอำนาจพระกรรมฐาน จิตใจของเราสูงส่งแล้ว อยู่ในโลกนี้เป็นมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ผู้ที่มีจิตใจสูงส่ง บางทีถ้านั่งอยู่นี้ตัวเป็นมนุษย์ กายเป็นมนุษย์ แต่ใจเป็นเทวดาแล้ว บางคนใจก็เป็นพระพรหมแล้ว ถ้ามาดแม้นว่าตายในขณะนี้ก็ได้ไปบังเกิดเป็นพระพรหมแล้ว นี่เรียกว่ามีผลมีอานิสงส์อย่างยิ่ง
จากนั้นพระมหาฤทธิเดช ได้นำทุกคนปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานและเดินจงกรม โดยในช่วงแรกเจ้าอาวาสวัดสนมหมากหญ้ายังชี้ให้เห็นถึงอานิสงส์ของการเดินจงกรมโดยกล่าวว่า การเดินจงกรม เป็นการเดินกลับไปกลับมาอย่างมีสติ ซึ่งการเดินจงกรม จะเกิดอานิสงส์ 5 ประการด้วยกัน คือ 1.ทำให้อดทนต่อการบำเพ็ญเพียร 2.ทำให้อดทนต่อการเดินทางไกล 3.ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ 4.ทำให้อาหารที่รับประทานเข้าไปย่อยง่าย 5.สมาธิในการเดินจงกรมนั้นเกิดง่าย และตั้งอยู่นานกว่าการนั่ง ถ้าอยากให้สมาธิเกิดเร็วต้องเดินจงกรมก่อนนั่งสมาธิ
สำหรับผู้ที่สนใจร่วมฟังธรรมะบรรยายในโครงการ "เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ" ได้ทุกวันศุกร์ เวลา 12:00 -13:30 น. ณ ชั้น 11 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์ สีลมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit