"แนวโน้มธุรกิจในปีนี้คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากผลเชิงบวกของสภาวะการเมือง และเศรษฐกิจ นอกจากนั้นพร้อมกลับเข้าไปทำตลาดเครื่องดื่มแบรนด์ "Zenya" ในกัมพูชาอีกครั้ง โดยมี Distributor รายใหม่ที่แข็งแกร่งมากขึ้น หลังจากหยุดทำการส่งออกไปตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว"
อย่างไรก็ตาม รายได้หลักของ TACC ยังคงมาจากการวางจำหน่ายสินค้าในร้าน 7-Eleven ทั้งในส่วนของเครื่องดื่มเย็นในโถกด เครื่องดื่มชงสดในมุม All Cafe ซึ่งในปีนี้จะรับรู้รายได้จากการขายเครื่องดื่มช็อกโกแลต Hershey's ที่วางจำหน่ายเต็มปีเฉพาะสาขาที่มีจำหน่าย หลังจากได้รับการตอบรับที่ดีในปีที่ผ่านมาในฐานะเครื่องดื่มเฉพาะกาล และในปีนี้คาดว่าจะมีสินค้าตัวใหม่ที่เป็นแบรนด์ชั้นนำเข้ามาเพิ่มเติม"
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนมกราคม ที่ผ่านมา TACC ได้เปิดตัวเครื่องดื่มรสสตรอว์เบอร์รี่คุกกี้แอนด์ครีมและเครื่องดื่มราสเบอร์รี่โรส ส่วนในเดือนมีนาคม-เดือนเมษายน 2562 ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มเครื่องดื่มโถกดและมุม Alll Cafe ในเซเว่นฯ เพิ่มเติม เพื่อต้อนรับช่วงซัมเมอร์ ประกอบด้วย เครื่องดื่มอัญชันน้ำผึ้งมะนาว และเครื่องดื่มมะม่วงโยเกิร์ตปั่น โดยมีส่วนผสมเนื้อมะม่วง และข้าวเหนียวมะม่วง
ส่วนสินค้าในกลุ่มเบเกอรี่ที่วางจำหน่ายในร้าน 7-Eleven ปัจจุบันมีสินค้าอยู่ 2 ประเภท คือ Twist Donut และ Donut POP ซึ่งจะมีหลากหลายรสชาติใหม่ ๆ เข้ามาต่อเนื่อง
ขณะที่ธุรกิจคาแรคเตอร์กลุ่ม Rilakkuma ที่บริษัทฯได้รับสิทธิการเป็นตัวแทนจำหน่ายลิขสิทธิ์ระยะเวลา 5 ปี ครอบคลุม 7 ประเทศ ในปีที่ผ่านมามีการเติบโตได้ดีกว่าที่คาดการณ์ จำนวนลูกค้า (Licensee) เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว รวมทั้งได้รับการตอบรับจากแบรนด์และบริษัทชั้นนำเป็นอย่างดี อาทิ 7-Eleven เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ นีเวียครีม กลุ่มสินค้าเครื่องเขียน SUMIKO ดัชมิลล์ และเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส เป็นต้น
ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2561 บริษัทฯมีรายได้รวม 1,295 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 71.30 ล้านบาท โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีมติจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานในปี 2561 (มกราคม-ธันวาคม 2561) ในอัตรา 0.09 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 29 เมษายน และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 15 พ.ค.2562
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit