นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า "เนื่องในมหามงคลสมัยที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร จะทรงประกอบการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตามพระราชประเพณีในวันที่ 4 - 6 พ.ค 2562 นี้ เอสซีจี ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายราชสดุดี ด้วยการเชิญชวนภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และจิตอาสา ร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมทั่วประเทศ เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล ผ่าน 3 กิจกรรม ได้แก่
1.) กิจกรรม "เฉลิมราชย์ราชา จิตอาสาบรรเทาภัยแล้ง" เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งระยะเร่งด่วน ในช่วงเดือนเม.ย. ถึง ก.ค. 2562 โดยร่วมกับกองทัพบก จัดคาราวานส่งมอบถังเก็บน้ำขนาด 2,000 ลิตร จำนวน 1,000 ใบ ซึ่งผลิตด้วยวัสดุพอลิเมอร์ "เอลิเซอร์" นวัตกรรมของเอสซีจีเพื่อการผลิตถังเก็บน้ำให้มีความแข็งแรง ทนทาน สีไม่ลอก ปราศจากตะไคร่น้ำ กลิ่นไม่พึงประสงค์ สารตะกั่ว ปรอท และสารหนู จึงปลอดภัยต่อการอุปโภคบริโภคของชุมชนที่ประสบภัยแล้งในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพื้นที่ที่ประสบภัยแล้งอย่างหนัก พร้อมเชิญชวนเครือข่ายจิตอาสาในพื้นที่ ร่วมทำฐานติดตั้งถังเก็บน้ำจากวัสดุรีไซเคิลที่เหลือจากการก่อสร้าง ซึ่งออกแบบโดยทีมงานเอสซีจีให้สอดคล้องกับแนวทาง SCG Circular Way หรือการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด และนำกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
2.) กิจกรรม "เฉลิมราชย์ราชา จิตอาสารักษ์น้ำ" เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งระยะยาว โดยร่วมกับชุมชนและ จิตอาสา สร้างฝายชะลอน้ำ 10,000 ฝาย ปลูกต้นไม้จากภูผาสู่มหานที 10,000 ต้น สร้างสระพวงเชิงเขาและระบบแก้มลิงในพื้นที่ราบ เพื่อให้เกษตรกรมีน้ำใช้ทำการเกษตรอย่างเกิดประโยชน์สูงสุด อีกทั้งยังร่วมกับมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ส่งเสริมการบริหารจัดการน้ำในฤดูแล้ง ในพื้นที่ชุมชนเป้าหมายที่ประสบภัยแล้งซ้ำซาก 18 จังหวัด อาทิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด
3.) กิจกรรม "เฉลิมราชย์ราชา จิตอาสาพัฒนาโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทั่วไทย" โดยมูลนิธิ เอสซีจี ร่วมกับเครือข่ายจิตอาสา ดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่ให้บริการตามความประสงค์ของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช จำนวน 21 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชน โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ผู้มีรายได้น้อย ผู้พิการ และผู้สูงอายุ ที่อยู่ในพื้นที่ทุรกันดารห่างไกล สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างมีความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ โรงพยาบาลดังกล่าวก่อตั้งขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับพสกนิกรที่บริจาคสมทบทุนสร้าง เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร (เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร) ตั้งแต่ปี 2520"
ด้าน ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกิจการสังคมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เอสซีจี กล่าวว่า "โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ได้ให้การดูแลรักษาประชาชนในถิ่นทุรกันดารมากว่า 40 ปี จากดำริของรัฐบาลไทยในปี 2520 ซึ่งเป็นปีมหามงคลอีกปีหนึ่ง กล่าวคือ มีพระราชพิธีอภิเษกสมรสของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร หรือสมเด็จพระยุพราชในขณะนั้น รัฐบาลจึงร่วมกับประชาชนสร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชขึ้นทั้งสิ้น 21 แห่ง ซึ่งถือเป็นประโยชน์โดยตรงต่อประชาชน เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายแด่พระองค์ เพราะขณะนั้นประเทศไทยประสบความยากลำบากในการดูแลความเป็นอยู่ของทหารและประชาชนในถิ่นทุรกันดาร โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในขณะนั้น ได้พระราชทานพระราโชบาย 3 ข้อ คือ 1.) ให้ทำการรักษาประชาชนในถิ่นทุรกันดารเป็นอย่างดี 2.) ให้เร่งพัฒนาการบริการให้มีคุณภาพระดับประเทศและนานาชาติ จนโรงพยาบาลได้ขยายขอบเขตไปมาก มีคนมาเข้ารับการรักษาเป็นจำนวนมาก จึงมีการตั้งมูลนิธิส่วนกลางและมูลนิธิของแต่ละโรงพยาบาลรับผิดชอบการจัดหาทุนมาพัฒนาโรงพยาบาล และ 3.) ให้นำความรู้และประสบการณ์มาขยายต่อภายนอกโรงพยาบาล โดยการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เช่น รพสต. จนกระทรวงสาธาณสุขได้นำพระราโชบายนี้ไปขยายต่อยอดด้วย
และในโอกาสอันเป็นมงคลยิ่งนี้ ซึ่งจะมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่เราไม่ได้เห็นมากว่า 72 ปี เอสซีจีจึงจัดกิจกรรมนี้ขึ้นด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยมีหลายภาคส่วนเข้ามาช่วยเหลือ อาทิ กลุ่มวิจัยสิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างเพื่อสุขภาวะ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และภาคีเครือข่าย สสส. ที่ร่วมกันออกแบบพื้นที่ในโรงพยาบาลว่าทำอย่างไรจึงจะทำให้คนไข้เกิดความสุขทั้งกายและใจ นอกเหนือจากการให้การรักษาพยาบาลที่ดี นอกจากนี้ จะมีเอสซีจี ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้าง กลุ่มผู้แทนจำหน่าย และพนักงานจิตอาสาจากเอสซีจี นักเรียนทุนอาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ ตลอดจนผู้นำชุมชน ร่วมกันสนับสนุนการปรับปรุงพื้นที่ให้บริการให้เป็นไปตามความประสงค์ของโรงพยาบาล เช่น การสร้างห้องสุขาเพิ่มเติมสำหรับญาติคนไข้ หรือการมอบอุปกรณ์ในห้องผ่าตัดที่โรงพยาบาลขาดแคลน"
ส่วน พลโท ธเนศ กาลพฤกษ์ รองเสนาธิการทหารบก กล่าวว่า "กองทัพบก มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมในโอกาสอันสำคัญยิ่งที่คนไทยและทั่วโลกตั้งตาคอยในครั้งนี้ กับกิจกรรมเฉลิมราชย์ราชา จิตอาสาบรรเทาภัยแล้ง เพราะกองทัพบกเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคงที่มีทั้งกำลังพล เครื่องมือ และยานพาหนะ จึงมีศักยภาพที่จะสามารถร่วมช่วยเหลือประชาชนได้ครอบคลุมใน 18 จังหวัดที่ประสบภัยแล้ง โดยเรามีหน่วยทหาร พร้อมรถบรรทุกน้ำจุ 6,000 ลิตร จำนวน 1,000 คัน ที่จะไปเติมน้ำในถังของเอสซีจีซึ่งจะไปติดตั้งในพื้นที่ต่างๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนผ่านวิกฤตภัยแล้งนี้ไปได้ ตามเจตนารมณ์ของกองทัพบกที่พร้อมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในเหตุการณ์ภัยพิบัติต่างๆ ร่วมกับส่วนราชการ ภาคเอกชน และพี่น้องประชาชนจิตอาสา จึงถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างสูงที่ทำให้พี่น้องประชาชนได้คลายความทุกข์มากว่า 20 ปี ทั้งการแก้ปัญหาระยะสั้น และการร่วมกับมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อการแก้ปัญหาในระยะยาว เช่น การทำแก้มลิง เพื่อให้เก็บกักน้ำได้มากขึ้น
สำหรับเอสซีจีนั้น ได้ร่วมกิจกรรมนี้กับกองทัพบกมากว่า 5 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2558 เริ่มต้นที่การมอบถังน้ำและเติมน้ำในถังจำนวน 125 ถัง จนมีความต้องการสูงขึ้นเรื่อยๆ กิจกรรมเฉลิมราชย์ราชา จิตอาสาบรรเทาภัยแล้ง จึงถือเป็นคุณูปการที่เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชน และขอเรียนเชิญพี่น้องจิตอาสามาร่วมกันสร้างฐานที่ตั้งของถังน้ำเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน โดยมีเอสซีจีเป็นผู้ออกแบบและสนับสนุนวัสดุให้ในครั้งนี้"
สำหรับประชาชนที่สนใจเข้าร่วมเป็นจิตอาสาในโครงการ "เฉลิมราชย์ราชา" สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.scg.com/volunteerproject