ในส่วนหนึ่งของการสำรวจด้านเศรษฐกิจ องค์กรด้านการวิจัยและให้คำปรึกษาระดับโลกแห่งนี้ได้สอบถามแบบตัวต่อตัวและใช้ชุดคำถามที่หลากหลายกับผู้บริหารระดับสูงมากกว่า 400 คนจากหลากหลายภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเมียนมาร์เพื่อประเมินความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ทั้งนี้ผลการสำรวจฉบับเต็มได้รับการเผยแพร่แล้วผ่านทางบล็อกบรรณาธิการของโอบีจีตามลิงก์https://oxfordbusinessgroup.com/blog/patrick-cooke/obg-business-barometer/china-dominant-external-influence-asean
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้ง 4 ประเทศส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดี โดยร้อยละ 75 ของผู้ที่ได้รับการสอบถามระบุว่าบริษัทของเขามีแนวโน้มมากถึงมากที่สุดที่จะลงทุนเพิ่มขึ้นมากในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ผู้บริหารธุรกิจระดับจากของประเทศไทยมีแสดงความเชื่อมั่นสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 81 ในขณะผู้บริหารธุรกิจจากอินโดนีเซียมีความเชื่อมั่นต่ำที่สุด คิดเป็นร้อยละ 72
อย่างไรก็ตามผลสำรวจเกียวกับประเด็นสำคัญภายในประเทศเช่นความสามารถในแข่งขันด้านภาษียังมีทิศทางหลากหลาย กล่าวคือร้อยละ 38 ของซีอีโอที่ให้สัมภาษณ์กับโอบีจีระบุว่าระบบภาษีในประเทศมีความสามารถในการแข่งขันหรือมีความสามารถแข่งขันสูง ในขณะที่ร้อยละ 45 ระบุว่าระบบภาษีในประเทศขาดความสามารถแข่งขัน ส่วนผู้บริหารในประเทศฟิลิปปินส์ไม่พึงพอใจมากที่สุดกับความสามารถในการแข่งขันด้านภาษี โดยน้อยกว่าหนึ่งในสี่หรือเพียงร้อยละ 23 ของผู้ตอบแบบสอบถามในมะนิลามีทัศนะเชิงบวกต่อระบบภาษีในประเทศ
การเข้าถึงสินเชื่อเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ได้รับคำตอบที่หลากหลาย โดยร้อยละ 39 ของผู้บริหารทั้ง 4 ประเทศผู้ให้สัมภาษณ์ว่าสามารถการเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายถึงง่ายมาก แต่ทว่าร้อยละ 46 กลับให้คำตอบที่ตรงกันข้าม ในส่วนของผู้นำทางธุรกิจในประเทศไทยและฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่มองประเด็นนี้ในเชิงบวก และร้อยละ 81 ของผู้บริหารธุรกิจในเมียนมาร์มองว่าการเข้าถึงสินเชื่อในประเทศเป็นไปได้ยากหรือยากมาก
เนื่องจากเศรษฐกิจอาเซียนหลายแห่งมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการผลิตขั้นสูงเพื่อขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ช่องว่างด้านทักษะแรงงานจึงเป็นประเด็นที่ซีอีโอในภูมิภาคให้ความสำคัญเป็นหลัก ผู้บริหารได้กล่าวถึงทักษะหลากหลายที่ตลาดต้องการแรงงานมีความต้องการสูง นำโดยความเป็นผู้นำ (ร้อยละ 33) วิศวกรรม (ร้อยละ 18) และการวิจัยและพัฒนา (ร้อยละ 14)
ไม่น่าแปลกใจที่การชะลอตัวของอุปสงค์ในประเทศจีนคือปัจจัยภายนอกที่ผู้นำทางธุรกิจมีความกังวลมากที่สุด การสำรวจพบว่าร้อยละ 28 กล่าวว่าปัจจัยดังกล่าวเป็นความเสี่ยงระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดต่อการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ ตามด้วยการกีดกันทางการค้า (ร้อยละ 26) และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น (ร้อยละ 20)
นายแพทริก คุก บรรณาธิการประจำภูมิภาคเอเชียของโอบีจีแสดงความคิดเห็นผ่านบล็อกของเขาว่าแม้ว่าจีนจะมีอิทธิพลสำคัญต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ อาเซียนก็ยังสามารถคงความแข็งแกร่งท่ามกลางแรงกดดันภายนอกต่อเศรษฐกิจได้
"การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันมากขึ้นและการเชื่อมโยงทางการค้าระหว่างกันในกลุ่มเศรษฐกิจที่มีประชากรรวมกันกว่า 600 ล้านคนสามารถป้องกันผลกระทบจากความยุ่งเหยิงในเศรษฐกิจโลก อีกทั้งการสร้างตลาดที่มีขนาดใหญ่พอสำหรับการพัฒนานวัตกรรมในเชิงธุรกิจซึ่งจะสามารถแก้ไขปัญหาคอขวดของการพัฒนาได้" เขากล่าว
นายคุกกล่าวเพิ่มเติมว่าคำตอบที่หลากหลายเกี่ยวกับบรรยากาศทางธุรกิจภายในของทั้ง 4 ประเทศแสดงถึงความแตกต่างอย่างสำคัญในด้านกรอบการกำกับดูแลภายในประเทศ แม้ว่าจะมีความพยายามสร้างความเข้มแข็งให้การรวมกลุ่มและให้สอดคล้องกับแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2568 ก็ตาม และเขายังตั้งข้อสังเกตว่าปัญหาการขาดทักษะที่หลากหลายของแรงงานในประเทศสมาชิกอาจกีดกั้นการพัฒนาทางเศรษฐกิจในอนาคตหากไม่ได้รับการแก้ไข
"แม้ว่าสภาพแวดล้อมทางธุรกิจจะยังคงเป็นความท้าทาย แต่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศที่ทำการสำรวจยังเป็นไปในเชิงบวก" นายคุกกล่าว "ผลการสำรวจโดยรวมที่เป็นบวกนี้บ่งชี้ว่าการผสานของพลังของผู้บริโภค ความคล่องด้านดิจิทัล และความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติในอาเซียนจะเป็นหลักประกันสำหรับผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นได้"
การประเมินผลการสำรวจเชิงลึกของคุกสามารถอ่านได้จากบล็อกบรรณาธิการของโอบีจี (OBG's Editor's Blog) ที่ชื่อว่า'Next Frontier' ซึ่งเป็นช่องทางที่บรรณาธิการบริหารระดับภูมิภาคของโอบีจีทั้ง 4 ประเทศใช้ในการเผยแพร่บทวิเคราะห์เกี่ยวกับการพัฒนาล่าสุดของภาคธุรกิจต่างๆ ในตลาดกว่า 30 แห่งที่มีการเติบโตสูงและที่การวิจัยของบริษัทครอบคลุม
การสำรวจซีอีโอภูมิภาคอาเซียนประจำปี 2562 ในรายงานเครื่องชี้วัดธุรกิจของโอบีจีอาศัยเครื่องมือวิจัยที่ครอบคลุมของทางกลุ่มบริษัท ทั้งนี้ผลการสำรวจในอาเซียนฉบับเต็มจะได้รับการเผยแพร่ทางออนไลน์และสื่อสิ่งพิมพ์ และโอบีจียังกำลังทำการสำรวจในลักษณะเดียวกันในตลาดอื่นๆที่บริษัทดำเนินกิจการอยู่
เกี่ยวกับเครื่องชี้วัดด้านธุรกิจของโอบีจี
เครื่องชี้วัดด้านธุรกิจของโอบีจี: บทสำรวจซีอีโอในอาเซียน (c) สงวนลิขสิทธิ์การสำรวจนี้จัดทำขึ้นเพื่อประเมินความเชื่อมั่นทางธุรกิจของผู้นำทางธุรกิจ (ระดับประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือเทียบเท่า) และมุมมองของพวกเขาเกี่ยวกับสภาพธุรกิจในอีก 12 เดือนข้างหน้า เครื่องชี้วัดด้านธุรกิจของโอบีจีแตกต่างจากงานสำรวจอื่นๆ เพราะตัวชี้วัดด้านธุรกิจของโอบีจีดำเนินการโดยพนักงานของโอบีจีผ่านการสัมภาษณ์เก็บข้อมูลแบบตัวต่อตัวจากภาคอุตสาหกรรม ขนาดบริษัท และความเชี่ยวชาญที่หลากหลาย โดยสงวนสิทธิ์เป็นความลับ
เครื่องชี้วัดทางธุรกิจของโอบีจีอาศัยข้อมูลจากบริษัทต่างๆที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กำหนด
ข้อมูลที่ได้มาช่วยในการวิเคราะห์ความเชื่อมั่นภายในแต่ละประเทศ ภูมิภาคและทั่วโลก นอกจากนี้ยังสามารถทำการเปรียบเทียบกันระหว่างประเทศ และระหว่างภูมิภาค ผลการสำรวจได้รับการนำเสนอเชิงสถิติผ่านอินโฟกราฟิกและบทความที่เขียนโดยบรรณาธิการบริหารของโอบีจี
โอบีจีจัดทำการสำรวจ อินโฟกราฟิกและบทวิเคราะห์ประกอบจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น
โอบีจีขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบต่อความเสียหาย ต่อการเงินหรืออื่นใดจากการที่บุคคลหรือองค์กรใดนำผลการสำรวจไปใช้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาการสำรวจกรุณาติดต่อ: แพทริก คุก บรรณาธิการภูมิภาคตะวันออกกลางที่[email protected] หากต้องการนำส่วนใดของการสำรวจนี้ไปผลิตซ้ำ หรือนำอินโฟกราฟิกและการวิเคราะห์ประกอบไปใช้กรุณาติดต่อ: [email protected] การทำสำเนาที่ไม่ได้รับการอนุญาตจะถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโอบีจีและวิธีการสมัครรับข้อมูลทางธุรกิจของโอบีจี กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.oxfordbusinessgroup.com
คลิกที่นี่เพื่อสมัครรับข่าวสารล่าสุดของอ๊อกฟอร์ด บิสสิเนส กรุ๊ป:
http://www.oxfordbusinessgroup.com/country-reports
เกี่ยวกับอ๊อกฟอร์ด บิสสิเนส กรุ๊ป
อ๊อกฟอร์ด บิสสิเนส กรุ๊ปเป็นบริษัทจัดทำรายงานการวิจัยและให้คำปรึกษาระดับโลกที่ดำเนินกิจการในกว่า 30 ประเทศ ทั้งในตะวันออกกลาง แอฟริกา เอเชียและทวีปอเมริกา โดยเป็นผู้ให้บริการข้อมูลที่โดดเด่นและได้รับการยอมรับผ่านการหาข้อมูลในพื้นที่จริงในตลาดที่มีการเติบโตสูงทั่วโลกมากกว่า 30 แห่งเพื่อสร้างโอกาสในการลงทุนและตัดสินใจทางธุรกิจที่ดี โอบีจีมีสำนักงานในลอนดอน เบอร์ลิน ดูไบ และอิสตันบูล รวมทั้งมีเครือข่ายสำนักงานในประเทศต่างๆ ที่เข้าไปดำเนินงาน
โดยการนำเสนอรายงานมากมาย ได้แก่ ข่าวและมุมมองทางเศรษฐกิจ เครื่องชี้วัดทางธุรกิจของโอบีจี เช่น บทสำรวจความคิดเห็นของซีอีโอ กิจกรรมพิเศษและการสัมมนาของโอบีจี สื่อที่เผยแพร่ระดับโลกต่างๆ อาทิ วิดีทัศน์สัมภาษณ์พิเศษ วารสาร The Report และการให้คำปรึกษา โอบีจีนำเสนอบทวิเคราะห์ที่ครอบคลุมและถูกต้องทางด้านเศรษฐกิจมหภาคและการพัฒนาของภาคธุรกิจต่างๆ เช่น การธนาคาร ตลาดทุน การท่องเที่ยว พลังงาน การขนส่ง อุตสาหกรรม และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
โอบีจีให้ข้อมูลทางธุรกิจแก่สมาชิกช่องทางการรับข้อมูลข่าวที่หลากหลายแพลตฟอร์ม รวมถึงสมาชิกจำนวน 6 ล้านรายที่ได้รับการยืนยันโดยตรงผ่านระบบของโอบีจี สมาชิกของดาวน์โจนส์ แฟกติวา (Dow Jones Factiva) อีกมากกว่า 1.2ล้านราย สมาชิกบลูมเบิร์ก โพเฟสชันนัล เซอร์วิสเซส รีฟินิทีฟ (ซึ่งก่อนหน้านี้คือทอมสัน รอยเตอร์ส) จำนวน 325,000ราย สมาชิกจากไอคอน (Eikon) 300,000 ราย และอื่นๆ ได้แก่ อีโคโนมิก นิวส์ แอนด์ วิวส์ รวมทั้งสมาชิกจากโอบีจี บิสสิเนส บารอมิเตอร์ ประกอบด้วยการสัมภาษณ์ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร การประชุมโต๊ะกลมและการประชุมสัมมนา และสื่อที่เผยแพร่ระดับโลก อาทิ การสัมภาษณ์พิเศษทางวิดีทัศน์ รายงาน The Report และแผนกให้คำปรึกษา
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit