โธมัส – พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและ จัดจำหน่ายอุปกรณ์ ประเภทคอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ ภายใต้แบรนด์ "แอนิเทค" (anitech) เปิดเผยว่า แนวความคิดเริ่มต้นของการออกแบบปลั๊ก anitech IOT เกิดจากการนึกถึง Sunlight แสงอาทิตย์แรกยามเช้า นั่นคือแสงแห่งชีวิตได้ตื่นขึ้นมาพบกับแสงวันใหม่พร้อมเติมเต็มพลังให้กับทุกๆ ชีวิต แอนิเทคจึงเลือกที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่ทรงพลังด้วยการผสานเอกลักษณ์ในเชิงวัฒนธรรมกับความร่วมสมัย สะท้อนความเป็นมืออาชีพ และมาตรฐานสากลเข้าด้วยกัน ภายใต้แนวความคิด "นวัตกรรมด้านการดีไซน์ผสานความเป็นไทย เพื่อคนไทย" จึงออกมาเป็นตัวปลั๊กล้ำสมัยอย่าง anitech IOT เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมความสุข คู่บ้านคุณอย่างแท้จริง
ในยุคปัจจุบันต้องยอมรับว่าเป็นยุคของ IOT (Internet of Things) อินเทอร์เน็ตกำลังเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้บริโภคในปัจจุบัน ด้วยการใช้เพียงอุปกรณ์เดียวก็สามารถควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าได้หลากหลาย แอนิเทคจึงได้พัฒนาระบบการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันที่มีรูปแบบเรียบง่าย แต่มอบประสบการณ์ความสะดวกสบายสูงสุด เพื่อการ ใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาดขึ้นภายในบ้านอัจฉริยะ โดยเทรนด์ของผู้บริโภคปัจจุบันการใช้งานแบบ IOT จะมีอยู่ 2 ปัจจัย ที่ผลักดันให้เกิดการซื้อมากที่สุด ร้อยละ 75 ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความสะดวกสบายที่ได้รับจากการ ใช้งาน ร้อยละ 68 เป็นการพิจารณาถึงประสิทธิภาพในการใช้งานที่คุ้มค่า เทรนด์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาดที่มาพร้อมความปลอดภัยและขาดไม่ได้ในเรื่องของความสะดวกสบาย ซึ่งปลั๊ก anitech IOT คือคำตอบ
โธมัส – พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้แอนิเทคได้ทดลองพัฒนาปลั๊ก anitech IOT ในรุ่น H900 โดยใช้ทีมพัฒนาซอฟต์แวร์จากต่างประเทศ ภายหลังได้พบปัญหาการพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่ต่อเนื่องจากทีมพัฒนา จึงตัดสินใจจัดตั้งทีมพัฒนาสินค้าขึ้นเองใน ปลั๊ก anitech IOT รุ่น H1000 ซึ่งออกแบบมาเป็น 4 Sockets ปุ่มเปิด-ปิด เป็นแบบ Touch Screen ตอบโจทย์เรื่องดีไซน์ที่ทันสมัยเหมือนได้ฟังก์ชันเป็นของตกแต่งบ้าน นอกจากความหรูหราสวยงาม ด้านฟังก์ชันการใช้งาน แบ่งออกเป็น 4 ฟังก์ชัน ได้แก่ 1. ฟังก์ชันการตั้งค่าการเปิด-ปิด, 2. ฟังก์ชันการเปิด-ปิด ล่วงหน้าโดยระบุวันและเวลาได้ 3. ฟังก์ชันการตั้งค่าเปิด-ปิด แถมตั้งเวลานับถอยหลัง และ 4. ฟังก์ชัน Power Consumption คือการแสดงค่าการใช้กำลังไฟฟ้าแบบ Real-Time พร้อมดูสถิติการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าย้อนหลังสูงสุดได้ถึง 3 เดือน ได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน anitech IOT Application บนสมาร์ทโฟนทั้งระบบ IOS และ Android เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะอยู่ภายในบ้านและนอกบ้านก็สามารถควบคุมได้
นอกจากนี้ แอปพลิเคชันยังถูกออกแบบ User Interface ทั้งหมดด้วยทีมดีไซน์คนไทย รวมถึงการเขียนและวางโครงสร้างแอปพลิเคชันเป็นคนไทย Cloud Server ก็อยู่ในประเทศไทย ข้อดีคือเมื่อเกิดปัญหาในการใช้งาน ด้านการ Service จะง่ายต่อการแก้ไขและประสานงาน ซึ่งพูดได้เต็มปากว่านวัตกรรมโดยคนไทยเพื่อคนไทย ในส่วนราคาของปลั๊ก anitech IOT เปิดตัวอยู่ที่ 2,590 บาท พร้อมการันตีด้วยวงเงินการรับประกันความเสียหายสูงสุด 5 แสนบาท นานถึง 1 ปี ทั้งนี้ ในอนาคตแอนิเทคจะมีการพัฒนาปลั๊ก anitech IOT ให้มีระบบเซนเซอร์ต่าง ๆ เพิ่มขึ้น อาทิ เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ การวัดแสง และการตรวจจับความเคลื่อนไหว มาเป็นข้อมูลใช้งานในการเปิด - ปิด ปลั๊กไฟเมื่อมีการเคลื่อนไหว ซึ่งลูกค้าสามารถกำหนดเงื่อนไขการทำงานได้อย่างอิสระมากขึ้น
โดยปัจจุบันแอนิเทค ได้ต่อยอดพัฒนาในรูปแบบของ B2B ซึ่งสามารถเข้าถึงประเภทธุรกิจ Logistics, Smart City, Retail, Factory, Food, Hospital, Smart Building โดย IOT Platform with Data Analytics สามารถเก็บข้อมูลประเมินผลและวิเคราะห์ช่วยวางแผนแจ้งเตือนถึงความผิดปกติสามารถควบคุม ลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น, ลดปัญหาการทำงานที่ไม่จำเป็นลง, ได้ Data ที่สำคัญมาวิเคราะห์ธุรกิจ โดยทาง anitech ได้ทำการทดสอบการทำงานกับ Partner ประเภทร้านอาหารที่มาสาขาทั่วประเทศ
นอกจากนี้เรายังมี Service level ตลอด 24 ชั่วโมง ต่อ 7 วัน ไม่มีวันหยุด Service Maintenance ระดับ มืออาชีพ พร้อมบริการหลังการขายในการให้ข้อมูลคำแนะนำต่าง ๆ ในการใช้งานได้รวดเร็ว ซึ่งเรามีทีมพัฒนา App และ Firmware เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการใช้งานและทำการ Update ให้ผู้ใช้งานอยู่เสมอ ในส่วนของมาตรฐานทาง Cyber security มีการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการสื่อสารหรือส่งข้อมูลระหว่าง Server กับ แอปพลิเคชัน ซึ่งจะใช้การเข้ารหัส TLS 2048 บิต เป็นมาตรฐานของ Server สากล และ ส่วนของการ รับ-ส่ง ข้อมูลของตัวปลั๊กมีการตรวจสอบและระบุตัวตนของปลั๊กอย่างปลอดภัย ด้วยมาตรฐาน jwt ecc256
การควบคุมด้วยคำสั่งเสียง และ data analytics dash board สำหรับ B2B เราจะพัฒนาแอปพลิเคชัน สำหรับ B2B ให้สามารถแสดงข้อมูลต่าง ๆแบบ Real-time และเพิ่มการทำงานของ Sensor รูปแบบต่าง ๆ นำข้อมูลมาผ่านกระบวนการ Data Analytics โดยจะแสดงในรูปแบบ Dash Board เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบสถานะ การพัฒนาในเวอร์ชั่นถัดไปของแอปพลิเคชันเราจะพัฒนาให้มีการควบคุมด้วยคำสั่งเสียง ผ่าน Google Home หรือ Amazon Alexa ได้ด้วย
ทั้งนี้ในส่วนภาพรวมของ บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป จำกัด เมื่อปี 2561 ที่ผ่านมายอดขาย ในปี 2561 อยู่ที่ 330 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนชิ้นอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านชิ้น เติบโตจากปี 2560 อยู่ที่ 25% งบประมาณการตลาดปีนี้อยู่ที่ 45 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 10% ของรายได้ประมาณการณ์ในปีนี้ โดยงบประมาณในส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นในเรื่องของการพัฒนานวัตกรรมของสินค้าในครึ่งปีหลัง บุกตลาดปลั๊ก anitech IOT หรือ เป็น Product Highline และตั้งเป้ายอดขายปลายปี 2562 ไม่ต่ำกว่า 450 ล้านบาท โธมัส – พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี กล่าวสรุป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit