อ.ศรัญญา คงจักร์ (อ.แม่) ประธานชมรมช่วยเหลือหมอนวดไทย และผู้คิดค้นการนวด "กระษัย4ศาสตร์" เปิดเผยว่า 'กระษัย' มีความหมายว่า 'การเสื่อมของร่างกาย' โดยการเสื่อมนี้ถูกนับรวมตั้งแต่ประสิทธิภาพการทำงานที่ถดถอยลง, อาการป่วย, ร่างกายอ่อนแอ ไปจนถึงการเสื่อมของสมรรถภาพทางเพศทั้งชายและหญิง โดยในยุคโบราณ การนวดกระษัยจะช่วยในการแก้อาการปวดหลัง เอว ปัสสาวะติดขัด รวมไปถึงโรคต่างๆ ที่เกิดจากในอวัยวะทั้ง 6 ได้แก่ หัวใจ ตับ ไต ม้าม ปอด ลำไส้ ซึ่งจะมีทั้งกระษัยเส้นและกระษัยโอปปาติกะ และตนได้ประยุกต์เอาศาสตร์การนวดกระษัย 4 แบบเข้าด้วยกัน ได้แก่ แบบไทย, จีน, อินเดีย และตะวันตก จนได้เกิดเป็น "กระษัย4ศาสตร์" เพื่อดึงเอาข้อดีและหลักการตามวิชาการ มาก่อให้เกิดคุณค่าของการนวด ตอบสนองให้เกิดความประทับใจและสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับผู้ป่วยได้ทุกชนชาติ
สำหรับหลักการที่แท้จริงของ "กระษัย4ศาสตร์" คือการนวดเพื่อ 'ฟื้นฟู' ต้นเหตุของปัญหาเสื่อมของสมรรถภาพทางเพศ โดยพบว่า ชายไทยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ มีปัญหา "ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย" ส่งผลให้ "นกเขาไม่ขัน" หมดอารมณ์ทางเพศ ส่งผลกระทบต่อปัญหาครอบครัว ถึงขั้นหย่าร้าง และยังส่งผลระยะยาวต่อสุขภาพ ทำให้เกิดโรคเสื่อมต่างๆ ตามมา อาทิ โรคซึมเศร้า ไม่มีความรู้สึกทางเพศ (กามตายด้าน) โรคกระษัย เบาหวาน โรคอ้วน ต่อมลูกหมากโต จนถึงขั้นเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ ซึ่งเป็นโรคที่คร่าชีวิตผู้ชายไทยมากสูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจากโรคมะเร็งปอด
ซึ่งหากจะให้นับอาการ 'นกเขาไม่ขัน' ในหมู่ชายไทย พบว่าอาการนี้จะเริ่มพบตั้งแต่อายุ 26 - 36 ปี เป็นส่วนน้อยประมาณ 15% อายุ 37 - 48 ปี เป็นประมาณ 25% อายุ 49 - 60 ปีเป็นส่วนใหญ่ประมาณ 50% และอายุ 61 ปี ขึ้นไป ที่มีสุขภาพดีอยู่ที่ประมาณ 10% และไม่ใช่เฉพาะในหมู่ชายไทยเท่านั้น ที่มีปัญหาเสื่อมของสมรรถภาพทางเพศ เพราะในกลุ่ม 'เพศหญิง' ก็พบปัญหาเหล่านี้ได้ เช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้วจะส่งผลต่อการปวดประจำเดือน, ต่อมไร้ท่อทำงานหย่อนยาน อาการเหล่านี้จะนำมาซึ่งปัญหามากมาย ทั้ง ช่องคลอดแห้ง, หลวม, มดลูกหย่อน, ปวดหลัง เอว หน้าขา จนทำให้เกิดภาวะ 'ตายด้าน' ที่สามารถฟื้นฟูโดยการนวดกระษัยได้เช่นเดียวกัน
อ.แม่ ศรัญญา เล่าต่อว่า สำหรับขั้นตอนการฟื้นฟูร่างกายด้วยการนวด "กระษัย4ศาสตร์" จะใช้ระยะเวลารักษาไม่นาน โดยการรักษาแต่ล่ะครั้งจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย โดยขั้นตอนการนวด จะเริ่มจากการนวดแก้เส้นประสาทด้านหลังในคู่ที่เกี่ยวข้อง ขยายหลอดเลือดส่วนหลัง ปรับโครงสร้างตามความจำเป็น แก้ไขบริเวณเอวสะโพก ขอบกระดูกเชิงกรานเกลียวข้างและสลักเพชรใน ถัดมา จะเป็นขั้นตอนการแก้เส้นขาด้านหลัง ใต้ก้นย้อย และแก้เส้นในขาตะเกียบ ต่อจากนั้น จะเป็นการกดจุดบริเวณกับกบ กดจุดสะท้อนไปยังระบบของอวัยวะเพศ และหลังจากนั้น ก็จะมีการนวดท้องด้วยศาสตร์จีนที่เรียกว่า "ชี่เนยจังประยุกต์" เพื่อแก้ไขปัญหาอวัยวะภายในช่องท้องเพื่อปรับสมดุลตามแบบแผนจีน เสริมด้วยการเลาะพังผืดตามหัวเหน่าขาหนีบ ฝีเย็บ จนจบด้วยการตรวจและเคลียร์ปัญหาต่างๆ เป็นอันเสร็จสิ้น นอกจากนี้ยังมีการนวดเสริมรูปแบบอื่นอีกมากมาย ขึ้นกับอาการของผู้ป่วยที่เข้ามาฟื้นฟู
อ.แม่ ศรัญญา ผู้คิดค้นการนวด "กระษัย4ศาสตร์" กล่าวปิดท้ายว่า แม้ว่าปัญหาเสื่อมของสมรรถภาพทางเพศจะเกิดขึ้นได้ทั้งในเพศชายและหญิง แต่ต้องยอมรับว่ากว่า 99% ของผู้ที่มารับการฟื้นฟูมีเฉพาะเพศชาย ซึ่งผู้ป่วยเพศหญิงอาจมองเรื่องนี้เป็นเรื่องน่าอาย และไม่สำคัญ ซึ่งนี่เป็นความคิดที่ผิด เพราะเรื่องการเสื่อมของ 'เซ็กส์' เป็นสิ่งปกติ ที่พบได้ในทุกคน ทุกเพศ และทุกที่ สำหรับ 'กระษัย4ศาสตร์' นั้นนับเป็นการสืบสานภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทย ซึ่งในปัจจุบันมีหมอนวดไทย เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เรียนรู้ศาสตร์นี้ ดังนั้นชมรมช่วยเหลือหมอนวดไทยได้เขียนตำรา "การนวดกระษัย4ศาสตร์ ฉบับชะลอการหลั่งและแข็งไม่เต็มที่" ราคาเล่มละ 500 บาท เพื่อเผยแพร่ความรู้ให้กับหมอนวดไทย และยังเปิดสอนให้สำหรับหมอนวดที่สนใจ เนื่องจากการนวดชนิดนี้จะสามารถสร้างรายได้ให้กับหมอนวดสูงถึงครั้งล่ะ 3,000-4,000 บาท ต่างจากการนวดแบบปกติที่ได้ค่าจ้างเพียงชั่วโมงล่ะ 200-300 บาท เท่านั้น อีกอย่างอาชีพหมอนวดเป็นอาชีพที่มีรายได้ไม่แน่นอน หากมีความรู้เพิ่มเติม จะสามารถต่อยอดอาชีพ และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับอาชีพหมอนวดได้
ผู้ที่สนใจเรียนการนวดกระษัย 4 ศาสตร์ หรือสนใจนวดเพื่อฟื้นฟู หรือต้องการหนังสือ "การนวดกระษัย4ศาสตร์ ฉบับชะลอการหลั่งและแข็งไม่เต็มที่" สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ "ชมรมช่วยเหลือหมอนวดไทย" โทร. 088-196-1869 หรือ Line : @saranya1341 หรือเฟซบุ๊ค facebook.com/saranyacommunity หรือที่เว็บไซต์ www.saranyacommunity.com
HTML::image( HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit