นายสุรเดชกล่าวต่อไปว่า กองทุน K-SFPLUS มีนโยบายการลงทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีทั้งในและต่างประเทศ จึงช่วยลดความผันผวนให้กับพอร์ตลงทุนในช่วงที่สินทรัพย์เสี่ยงมีความผันผวนมากขึ้น ทำให้พอร์ตลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอ ซึ่งกองทุนมีระดับความเสี่ยง 4 และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพักเงินในระยะสั้น 2-3 เดือน ทั้งนี้ กองทุน K-SFPLUS ได้ Overall Morningstar Rating 4 ดาว ในกลุ่ม Short Term Bond (ข้อมูลจาก Morningstar ณ 30 เม.ย. 62)
กองทุน K-PLAN2 และ K-PLAN3 เป็นกองทุนผสมที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น และกระจายลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ (Multi-Asset) ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ เงินฝาก พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ เป็นต้น โดยกองทุน K-PLAN2 และ K-PLAN3 มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไม่เกิน 30% และ 55% ของ NAV ตามลำดับ จึงช่วยลดการขาดทุนจากตลาดใดตลาดหนึ่ง เนื่องจากมีการปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ให้เหมาะสมกับทุกสภาวะตลาด ซึ่งกองทุนมีระดับความเสี่ยง 5 และเหมาะสำหรับผู้ที่สามารถถือครองหน่วยลงทุนได้ตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ กองทุน K-PLAN2 ได้ Overall Morningstar Rating 5 ดาว ในกลุ่ม Conservative Allocation ในขณะที่กองทุน K-PLAN3 ได้ Overall Morningstar Rating 5 ดาว ในกลุ่ม Conservative Allocation ยาวนานที่สุดเป็นระยะเวลา 33 เดือนติดต่อกันนับตั้งแต่ พ.ย. 59 (ข้อมูลจาก Morningstar ณ 30 เม.ย. 62)
กองทุน K-GINCOME มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Investment Funds – Global Income Fund, Class A (mth)-EUR ที่กระจายลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก โดยคัดเลือกสินทรัพย์ที่จ่ายผลตอบแทนสูงทั้งในรูปดอกเบี้ยและเงินปันผล ซึ่งกองทุนมีระดับความเสี่ยง 5 และสามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ แบบสะสมมูลค่า (K-GINCOME-A(A)) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนต่อเนื่อง เพื่อการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาว และแบบรับซื้อคืนอัตโนมัติ (K-GINCOME-A(R)) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรายรับสม่ำเสมอทุกเดือน โดยกองทุนจะมีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติสูงสุดไม่เกิน 12 ครั้งต่อปี ทั้งนี้ กองทุน K-GINCOME-A(R) ได้ Overall Morningstar Rating 5 ดาว ในกลุ่ม Global Allocation (ข้อมูลจาก Morningstar ณ 30 เม.ย. 62)
กองทุน K-STAR มีนโยบายการลงทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี ที่มีศักยภาพเติบโตในระยะยาว พร้อมทั้งจับจังหวะโดยปรับสัดส่วนการลงทุนเพื่อทำกำไรในระยะสั้น ซึ่งกองทุนมีระดับความเสี่ยง 6 และสามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ แบบสะสมมูลค่า (K-STAR-A(A)) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนต่อเนื่อง เพื่อการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาว และแบบรับซื้อคืนอัตโนมัติ (K-STAR-A(R)) เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการจับจังหวะทำกำไรเอง โดยกองทุนจะมีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ เมื่อ NAV ปรับขึ้นตามเงื่อนไข ทั้งนี้ กองทุน K-STAR-A(R) มีผลตอบแทนโดดเด่นติดอันดับ Top Quartile อีกทั้งยังได้ Overall Morningstar Rating 5 ดาว ในกลุ่ม Equity Large-Cap (ข้อมูลจาก Morningstar ณ 30 เม.ย. 62)
"การลงทุนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินจะต้องอาศัยการจัดพอร์ตลงทุนที่ดี โดยควรกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั้งเงินฝาก พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ รวมถึงหุ้น เพื่อลดความผันผวนอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะตลาด และเป็นการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว ซึ่ง 5 กองทุนเด่นจากกสิกรไทย จัดเป็นกองทุนแนะนำในแต่ละประเภทสินทรัพย์ที่มีผลการดำเนินงานดี ติดอันดับ Morningstar อีกทั้งยังสามารถเลือกลงทุนได้ตลอดทั้งปี อย่างไรก็ดี บลจ.กสิกรไทย มุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานการบริหารกองทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งคำนึงถึงการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสมภายใต้ความผันผวนของตลาดด้วยเช่นกัน" นายสุรเดชกล่าว
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน K-SFPLUS, K-PLAN2, K-PLAN3, K-GINCOME และ K-STAR สามารถเริ่มลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่านแอป K PLUS, K-My Funds หรือ ธนาคารกสิกรไทย และตัวแทนสนับสนุนการขายของ บลจ.กสิกรไทย โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888