ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) กล่าวว่า อาคารแสดงประเทศไทยในงาน World Expo 2020 Dubai ครั้งนี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่โซน Mobility ขนาด 3,606 ตรม.หรือ 2.25 ไร่ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยเข้าร่วมในงานเวิลด์เอ็กซ์โป โดยจัดขึ้นภายใต้แนวคิด"การขับเคลื่อน สู่อนาคต"(Mobility for the future) ทั้งนี้นอกจากการจัดแสดงนิทรรศการในอาคารแสดงประเทศไทยแล้ว ยังมีการจัดสรรพื้นที่ส่วนร้านอาหาร เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมอาหารไทยให้คนต่างชาติได้สัมผัสและลิ้มลอง ซึ่งนับเป็นความโดดเด่นหนึ่งของประเทศไทยที่นานาประเทศให้การยอมรับ โดยการจัดงานทุกครั้งที่ผ่านมา ร้านอาหารไทยมีเสียงตอบรับและได้รับความนิยมเป็นอย่างดีเสมอมา
โดยมีผู้ประกอบการสนใจเข้ามาเป็นผู้บริหารจัดการร้านอาหาร ภายในอาคารแสดงประเทศไทยครั้งนี้ จำนวน 5 บริษัท ซึ่งบริษัทที่ทางคณะกรรมการเห็นว่ามีความพร้อมและผ่านการคัดเลือกให้เข้ามาทำหน้าที่นี้ คือ ร้านลิตเติ้ล แบงค็อก (Little Bangkok) ซึ่งถือเป็นร้านอาหารไทยยอดนิยมในเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เปิดดำเนินงานโดยคนไทย ซึ่งจะมาให้บริการบริเวณชั้นล่างของอาคารแสดงประเทศไทย บนพื้นที่กว่า 160 ตร.ม. มีการตกแต่งร้านแบบคอนเทมโพรารี หรือไทยร่วมสมัย เน้นความอบอุ่น นั่งสบาย สามารถรองรับได้จำนวน 50 ที่นั่ง และเน้นให้ความสำคัญกับคุณภาพ และวัตถุดิบในการปรุงอาหาร เน้นการปรุงสดใหม่ ลูกค้าทุกคนที่เข้ามาที่ร้านจะได้รับประทานอาหารรสชาติไทยแท้และที่มีคุณภาพแน่นอน
สำหรับในงานเวิลด์เอ็กซ์โปครั้งนี้ เราจะนำอาหารไทยที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งความหลากหลายของเครื่องปรุงที่เกิดจากการผสมผสานของสมุนไพร ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดของเมนูชั้นนำอย่าง ต้มยำกุ้ง ความเข้มข้นของเครื่องเทศอย่างแกงมัสมั่น ศิลปะของการเคี่ยวกะทิและพริกแกงที่มีสีสันสวยงามของแกงเขียวหวาน หรือ สตรีทฟู้ดยอดฮิตอย่างผัดไท ผัดเปรี้ยวหวาน ผัดกะเพรา และน้ำสมุนไพรต่างๆ หรือขนมไทยอื่นๆ พร้อมเมนูพิเศษผลัดเปลี่ยนตลอดระยะเวลา 6 เดือน มั่นใจว่าจะมอบความประทับใจให้กับผู้เข้าชมงานทั้งหลายอย่างแน่นอน
"การขับเคลื่อนสู่อนาคต (Mobility for the future) นั้นไม่ได้แสดงออกแค่เพียงศิลปวัฒนธรรมที่สื่อสาร ผ่านทางสถาปัตยกรรมหรือเทคโนโลยีที่ทางประเทศไทย โดยกระทรวงดีอี และหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเตรียม นำเสนอเพียงอย่างเดียว แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการเชื่อมสัมพันธไมตรีในแบบชาวสยามเมืองยิ้มที่ทำให้ประเทศไทยแตกต่างและโดดเด่นจนกลายเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงคนไทยกับคนทั่วโลกได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะสร้างความประทับใจให้กับ ต่างชาติ ยังสามารถสื่อสารผ่านอาหารไทย เพราะชื่อเสียงอาหารไทยเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ" ดร.ณัฐพล กล่าว
ด้านนายเกิดจักรี เหมะพรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บริษัท Culex Hospitalityหรือผู้ก่อตั้งร้านลิตเติ้ล แบงค็อก กล่าวว่า การเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาคารแสดงประเทศไทยครั้งนี้ ถือเป็นความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนร่วมในการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญในนามของประเทศไทย และเป็นโอกาสอันดีในการที่จะเผยแพร่
วัฒนธรรมและอาหารไทยสู่ชาวต่างชาติ โดยร้านลิตเติ้ล แบงค็อก มีสาขาถึง 8 สาขาในเมืองดูไบ และเปิดให้บริการมาแล้วกว่า 6 ปี อีกทั้งยังได้รับการประกาศนียบัตรว่าเป็นร้านอาหารไทยยอดเยี่ยมในปี 2019 จาก TripAdvisor เว็บไซต์ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก และได้รับรางวัลจาก Zomato แอปพลิเคชันค้นหาร้านอาหารและสั่งอาหารที่ใหญ่ที่สุดให้เป็น The Winner ในสาขา Best Pan Asian Casual Dine 2018 ปัจจุบันร้าน ลิตเติล แบงค็อก เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในเรื่องของคุณภาพ รสชาติ และความรวดเร็วด้านการให้บริการ นอกจากธุรกิจร้านอาหารแล้ว Little Bangkok ยังให้บริการด้านแคทเทอริ่ง (Catering) บริการจำหน่ายอาหารแบบควิกมีล (Quick meal) ในซูเปอร์มาร์เก็ตอีกด้วย
นอกจากนี้ ทางร้านลิตเติ้ล แบงค็อก ยังจัดกิจกรรมพิเศษ "กินข้าว แชะ แชร์"ที่ร้านลิตเติ้ล แบงค็อก ทุกสาขาในดูไบ ถ่ายรูปอาหาร หรือบรรยากาศภายในร้าน เริ่มตั้งแต่วันนี้ ถึง 24 สิงหาคม 2562 เพื่อลุ้นรับ ตั๋วเครื่องบินเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย จำนวน 30 ใบ โดยได้จัดแคมเปญพิเศษ ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานดูไบและตะวันออกกลาง และบริษัท การบินไทย มหาชน จำกัด สำนักงานดูไบ และตะวันออกกลาง พร้อมด้วยความร่วมมือจากอาคารแสดงประเทศไทย เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และประชาสัมพันธ์อาหารไทยให้ชาวต่างชาติ ณ เมืองดูไบได้มีโอกาสมาสัมผัสกับบรรยากาศของความเป็นไทย
สำหรับงาน World Expo 2020 Dubai เป็นการแสดงศักยภาพการเป็นผู้นำเทคโนโลยีดิจิทัลของไทย บนเวทีโลก ตั้งเป้าดึงนักลงทุนเข้าสู่ประเทศไทย ผ่านการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศไทยในมิติ Digital for Development ต่อยอดจากประเทศที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกด้วยความอุดมสมบูรณ์ของดินแดนสุวรรณภูมิและวัฒนธรรม อันโดดเด่นแบบสยามเมืองยิ้ม สู่การเป็นศูนย์กลางการพัฒนาด้านดิจิทัลที่สามารถเชื่อมต่อทุกคนไปยังทุกที่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นงานแสดงนิทรรศการที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นมหกรรมที่ยิ่งใหญ่ของมวลมนุษย์อันดับ 3 ของโลก รองจากกีฬาโอลิมปิกและฟุตบอลโลก ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เป็นประจำทุก 5 ปี
โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 ตุลาคม 2563 ถึง 10 เมษายน 2564 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นเวลา 6 เดือน ภายใต้หัวข้อหลัก"เชื่อมความคิด สร้างอนาคต : CONNECTING MINDS, CREATING THE FUTURE เพื่อเป็นสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นต่อไปและส่งสัญญาณต่อให้ทุกคนร่วมใจกันพัฒนาโลก ภายใต้ 3หัวข้อย่อย ได้แก่1.โอกาส (Opportunity) 2.การขับเคลื่อน (Mobility) และ3.ความยั่งยืน (Sustainability)
ติดตามความเคลื่อนไหว และร่วมภูมิใจกับอาคารแสดงประเทศไทยที่ FB: IG: Youtube : Expo2020DubaiThailand หรือ https://expo2020dubaithailand.com
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit