บริษัทมีการจับจังหวะในการลงทุน โดยเห็นว่าในช่วงครึ่งหลังของเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) มีการปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1,620 จุด จากปัจจัยภายนอกประเทศได้แก่ ความกังวลว่าเศรษฐกิจโลก การค้า การลงทุน จะชะลอตัวลงจากภาวะความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ส่งผลให้ส่วนต่างของระดับดัชนีฯ ในช่วงเวลาดังกล่าว กับระดับดัชนี ที่ควรจะเป็นตามปัจจัยพื้นฐานที่ 1,720 หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 6% ซึ่งเป็นดัชนีเป้าหมายของKTAM ในปีนี้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากสภาพคล่องในตลาดการเงินที่ยังมีอยู่สูง อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ การบริโภคและการลงทุนภายในประเทศที่น่าจะเริ่มฟื้นตัวได้ดีขึ้นผ่านนโยบายกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นได้ทันทีภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ บริษัทจึงเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีในการจัดตั้งกองทุนประเภทTrigger Fund ที่มีการกำหนดเป้าหมายผลตอบแทน ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด และความสำเร็จในครั้งนี้ ผู้จัดการกองทุน มีการคัดเลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและราคาหุ้นในปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน พร้อมทั้งจับจังหวะการเข้าลงทุน (Market timing) ได้ถูกช่วงเวลาที่เหมาะสม จึงส่งผลให้กองทุนสามารถบรรลุเป้าหมายการลงทุน ที่ 5% ภายในระยะเวลา 5 สัปดาห์ ในขณะที่โครงการกำหนดเป้าหมายสร้างผลตอบแทน 5% ภายในระยะเวลา 6 เดือน โดยมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.5555 บาทต่อหน่วย เป็นระยะเวลาติดต่อกัน3 วันขึ้นไป และสินทรัพย์ของกองทุนที่จะซื้อคืนอัตโนมัติจะต้องเป็นเงินสด หรือเทียบเท่าเงินสดทั้งหมด มูลค่าหน่วยลงทุนที่คืนให้กับผู้ถือหน่วยต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 105 ของมูลค่าที่ตราไว้ (10 บาทต่อหน่วย) อย่างไรก็ตาม บริษัทจะแสวงหาจังหวะ และโอกาสในการลงทุนที่ดี มานำเสนอให้กับนักลงทุนในโอกาสต่อไป
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต