นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การลงนามบันทึกข้อตกลง "ความร่วมมือในการส่งเสริมศักยภาพและสนับสนุนผู้ประกอบการไทย" ในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ส.อ.ท. ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งเครือข่าย ส.อ.ท. โดยเชื่อมโยงกับทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน รวมทั้ง เป็นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย ซึ่งอุตสาหกรรมไทยกว่าร้อยละ 90 เป็น SMEs และมีบางส่วนที่เริ่มขยายตลาดไปยังต่างประเทศแล้ว ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ ส.อ.ท. ต้องเร่งพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs ไทย ทั้งในด้านการผลิต (Productivity) และการดำเนินธุรกิจการค้าเพื่อให้สามารถแข่งขัน ซึ่งความร่วมมือจาก ธสน. จะช่วยเสริมให้การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการทุกระดับเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) กล่าวเสริมว่า ธสน. และ ส.อ.ท. จะร่วมบูรณาการข้อมูลด้านการค้าและการลงทุน การประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์หรือบริการ การจัดอบรมส่งเสริมความรู้ให้กับผู้ประกอบการ และการสนับสนุนทางการเงิน ซึ่ง ธสน. ได้เสนอสิทธิประโยชน์พิเศษให้แก่สมาชิกของ ส.อ.ท. ที่ได้รับการแนะนำหรือเข้าร่วมกิจกรรมของ ส.อ.ท. จะได้ลดอัตราดอกเบี้ยปีแรก 0.5% ต่อปี จากอัตราดอกเบี้ยปกติที่ลูกค้าได้รับสำหรับสินเชื่อเพื่อการส่งออกและนำเข้า และสินเชื่อเพื่อการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเป็นการช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากยิ่งขึ้น
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ในภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนในปัจจุบันทั้งจากปัจจัยในประเทศและต่างประเทศ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในการรับมือและวางแผนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งข้อมูลด้านการค้าและการลงทุนถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญ ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถก้าวข้ามอุปสรรคและทำให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ ดังนั้น หลังจากลงนามบันทึกข้อตกลงฉบับนี้ ธสน. และ ส.อ.ท. จะมีการประชุมหารือร่วมกันเพื่อกำหนดแผนงานในการจัดกิจกรรมหรือโครงการที่เป็นประโยชน์ในการส่งเสริมศักยภาพ และขยายช่องทางการค้าระหว่างประเทศและการลงทุนในต่างประเทศแก่ผู้ประกอบการไทยต่อไป