ทั้งนี้ ในส่วนของสมาคมภาคเอกชนทั้ง 3 สมาคม จากเดิมที่กำหนดจำนวนผู้เข้ารับการอบรมไว้ทั้งหมด 300 คน แต่มีการแจ้งความประสงค์จากสมาคมขอเข้ารับการอบรมมาเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้รวมเป็นกว่า 500 คน ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้จัดอบรมในรุ่นที่ 1 ในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้จำนวน 200 คน และจะอบรมวิทยากรจากทั้ง 3 สมาคมที่เหลืออีกจำนวน 300 คนในรุ่นที่ 2 วันที่ 6 มิถุนายน 2562 นี้
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้กรมวิชาการเกษตรอยู่ในระหว่างการสร้างวิทยากรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อไปทำหน้าที่วิทยากรนำความรู้ที่ได้รับทั้งภาคทฤษฎีและปฎิบัติไปอบรมเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายจำนวน 1.5 ล้านคนที่ยังมีความจำเป็นต้องใช้สารทั้ง 3 ชนิดนี้ ทั้งนี้ เกษตรกรที่จะเข้ารับการอบรมต้องมีทะเบียนเกษตรกร หรือหลักฐานแสดงพื้นที่ปลูกพืชที่มีความจำเป็นต้องใช้สารพาราควอตและไกลโฟเซต สำหรับกำจัดวัชพืชใน อ้อย ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ข้าวโพด มันสำปะหลัง และไม้ผล และใช้คลอร์ไพริฟอสเพื่อกำจัดแมลงในไม้ดอก พืชไร่ และกำจัดหนอนเจาะลำต้นในไม้ผล ซึ่งต่อไปการซื้อสารทั้ง 3 ชนิดไปใช้เกษตรกรจะต้องซื้อจากร้านที่ได้รับอนุญาต แสดงหลักฐานผ่านการอบรม พร้อมกับแสดงชนิดพืชที่ปลูก และพื้นที่ปลูก เพื่อกำหนดปริมาณวัตถุอันตรายที่จะซื้อได้
HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit