นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า จากการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และอีมาร์เก็ตเพลสรายใหญ่ ที่มุ่งอำนวยความสะดวกผู้บริโภคให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย หลากช่องทาง ทั้งเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน อีกทั้งยังมีสินค้าหลากรายการให้เลือกจำนวนมาก จึงทำให้การ "ซื้อ ขาย จัดส่ง" ทำได้คล่องตัวมากขึ้น และเป็นผลให้ไปรษณีย์ไทยมีปริมาณชิ้นงานในระบบสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริการที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้บริการสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งคือ "บริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ" (EMS) บริการส่งด่วนทั่วไทย ซึ่งยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการ "ส่งเช้าได้บ่าย ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และส่งบ่ายได้วันรุ่งขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัด" ที่สะดวกรวดเร็วและตอบโจทย์นักช้อปที่ต้องการสินค้าแบบเร่งด่วน เหมาะสำหรับของที่มีน้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม ซึ่งมาพร้อมระบบ Track & Trace ที่สามารถติดตามสถานะได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นางสมร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทย ยังมีบริการส่งในรูปแบบอื่นที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค ที่สามารถเลือกใช้ได้ตามเงื่อนไขของเวลา ราคา และขนาดสิ่งของในรูปแบบต่างๆ เพื่อส่งไปยังพื้นที่ปลายทางทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ บริการส่งในประเทศ ได้แก่ อีโคโพสต์ (ECO-POST) บริการจัดส่งราคาประหยัด ด้วยระบบไปรษณีย์ลงทะเบียน สำหรับสิ่งของประเภทกล่องที่มีน้ำหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัม ในราคาเริ่มต้นที่ 25 บาท พร้อมโพสต์ (Prompt Post) บริการเตรียมฝากส่งล่วงหน้า มาพร้อมกับกล่องพร้อมส่งสีฟ้า ในราคาเหมาๆ 4 ขนาด เหมาะกับผู้ค้าออนไลน์ที่มียอดการส่งจำนวนมาก และต้องการประหยัดเวลาฝากส่งหน้าเคาน์เตอร์ โลจิสโพสต์ (Logispost) บริการส่งของใหญ่ที่มีน้ำหนัก 20-200 กิโลกรัม ด้วยมาตรฐานการส่งแบบอีเอ็มเอส พร้อมตรวจสอบสถานะได้ 24 ชั่วโมง
ขณะที่ บริการส่งระหว่างประเทศ จะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ อีเอ็มเอสเวิร์ล (EMS World) บริการส่งด่วนข้ามแดน ถึงปลายทางใน 2 วัน สำหรับสิ่งของน้ำหนักไม่เกิน 30 กิโลกรัม พร้อมตรวจสอบได้ทุกขั้นตอนตลอด 24 ชั่วโมง คูเรียโพสต์ (Courier Post) บริการส่งด่วนที่ไปรษณีย์ไทยจับมือกับดีเอชแอล เอ็กซเพรส (DHL Express) ตอบโจทย์ผู้ต้องการสินค้าเร่งด่วนใน 2 วันทำการ และดำเนินการด้านพิธีการศุลกากร ณ ประเทศปลายทางแบบเบ็ดเสร็จ บริการอีแพ็คเก็ต (ePacket) บริการส่งของชิ้นเล็กไปต่างประเทศในราคาประหยัด รองรับน้ำหนักสูงสุด 2 กิโลกรัม พร้อมเช็คสถานะได้ตลอด 24 ชั่วโมง บริการพัสดุย่อย (Small Packet) บริการส่งของชิ้นเล็ก น้ำหนักไม่เกิน 2 กิโลกรัม ในราคาประหยัดเริ่มต้นที่ 12 บาท เพื่อลดต้นทุนผู้ค้าออนไลน์ เป็นต้น
นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทย ยังมีบริการเสริมเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้ค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์มากขึ้น อย่าง "บริการเก็บเงินปลายทาง" (COD) สำหรับผู้ใช้บริการอีเอ็มเอสในประเทศ ผ่านแอปพลิเคชั่น วอลเลทแอทโพสต์ (Wallet@Post) โดยที่ผู้ส่งจะได้รับเงินโอน ภายใน 2 วัน หลังจากสิ่งของถึงผู้รับ ตลอดจนยังสามารถชำระเงินผ่านแอปฯ และยังมั่นใจทุกขั้นตอนด้วยระบบเอสเอ็มเอสแจ้งเตือนผู้ส่งและผู้รับ พร้อมเช็คสถานะสิ่งของได้ตลอดเส้นทาง โดยยอดการใช้บริการสะสมในช่วง 4 เดือนแรก ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 - เดือนเมษายน 2562 มีจำนวนธุรกรรมเติบโตเกือบ 2 ล้านรายการ นางสมร กล่าวทั้งนี้ จากผลงานการให้บริการที่ผ่านมา จึงทำให้ไปรษณีย์ไทยได้รับรางวัลผู้ประกอบการขวัญใจมหาชนปี 2019 สาขาการบริหารจัดส่งสินค้าเยี่ยมยอดครองใจมหาชน เป็นเครื่องการันตีคุณภาพบริการ ในฐานะหน่วยงานผู้ให้บริการจัดส่งสินค้าที่สามารถส่งสินค้าแก่ลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ ในงานไทยแลนด์ อีคอมเมิร์ซ วีค 2019 "ไปรษณีย์ไทย ขอขอบคุณประชาชนผู้ใช้บริการทุกท่าน ที่ให้ความไว้วางใจ และเชื่อมั่นในการให้บริการในทุกระบบงานของไปรษณีย์ไทย นับตั้งแต่ขั้นตอนของการรับฝาก ส่งต่อ และนำจ่ายให้ถึงมือผู้รับปลายทาง โดยไปรษณีย์ไทย ยังคงยึดมั่นและเดินหน้าปรับกลยุทธ์การให้บริการ พัฒนาบุคลากรของไปรษณีย์ไทย ให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ไปรษณีย์ไทย เป็นบริษัทขนส่งที่ผู้ใช้บริการนึกถึงและเลือกใช้บริการเป็นลำดับแรก" นางสมร กล่าวทิ้งท้าย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ THP Contact Center 1545 หรือเว็บไซต์ www.thailandpost.co.th
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit