'Gentle Parenting' อีกหนึ่งเทคนิคการเลี้ยงลูกด้วย "ความอ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ" ถูกทดลองใช้ในหมู่คุณแม่ยุคใหม่ในต่างประเทศ และได้รับการยอมรับในวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ Gentle Parenting จึงถือเป็นอีกหนึ่งเทคนิคการเลี้ยงลูกด้วยความอ่อนโยนสำหรับคุณพ่อแม่ยุคใหม่ โดยแนวคิดการเลี้ยงลูกแบบ Gentle Parenting จำเป็นต้องอาศัย ความเข้าใจ และความใส่ใจ เป็นรากฐานสำคัญในการเลี้ยงดู ซึ่งการเลี้ยงดูแบบอ่อนโยน ไม่ใช่การเลี้ยงดูให้ลูกอ่อนแอ หรือเป็นการสปอยล์ลูก ประเภททุ่มเทความรักแบบไม่ใช้เหตุใช้ผล แต่เป็นการเรียนรู้ที่จะเข้าใจในตัวลูกน้อย เข้าใจถึงสภาวะทางอารมณ์ต่างๆ รวมถึงใส่ใจในความรู้สึกนึกคิดของเขา และที่สำคัญ คือต้องให้เกียรติลูก
สำหรับในช่วงวัยของเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กในช่วง1 -3 ขวบ จะเป็นช่วงวัยที่เด็กมีสภาพจิตใจและอารมณ์ค่อนข้างแปรปรวน ซึ่งพ่อแม่หลายคนอาจจะเคยพบเจอกับอาการที่ลูกแสดงออกแบบไม่ค่อยน่ารัก เช่น ร้องไห้อยากได้ของเล่น เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็อาจจะมีปฏิกิริยา เช่น ลงไปนอนกับพื้นตามมา ซึ่งพ่อแม่หลายคนเลือกที่จะใช้ความรุนแรงและอารมณ์ในการตี หรือดุว่าเพื่อยุติพฤติกรรมที่ไม่น่ารักของลูกน้อย ซึ่งแน่นอนว่า นาทีนั้นอาจทำให้ลูกหยุด แต่ผลของการใช้ความรุนแรง อาจนำไปสู่การทำให้เหล่าลูกๆ มีพฤติกรรมที่ต่อต้าน ยิ่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ บ่อยๆ ก็อาจจะยิ่งไม่เชื่อฟัง หนำซ้ำความรุนแรงเหล่านี้ก็จะติดตัวไปจนโตทำให้เกิดพฤติกรรมที่คุณพ่อและแม่ไม่พึ่งประสงค์ได้
กลับกันหากคุณพ่อและคุณแม่ยุคใหม่ ลองเปิดใจกับวิธี 'Gentle Parenting' ใช้การเลี้ยงดูแบบใช้ความอ่อนโยน เช่น ก่อนออกจากบ้านอยากให้ลูกเรียนรู้ว่าต้องใส่รองเท้าทุกครั้งก่อนออกจากบ้านควรจะทำอย่างไร? ควรบังคับว่า "ใส่รองเท้าสิ!" หรือ พูดคุยกับลูกดี ๆ ด้วยเหตุและผล "เราต้องใส่อะไรที่เท้าก่อนออกจากบ้านคะ?" การเรียนรู้ที่จะถามก่อนที่จะบอกหรือสั่ง ยังสามารถเสริมความเป็นเหตุและผลของการทำสิ่งนั้นๆ ได้ เช่น เราใส่รองเท้า "เพราะรองเท้าช่วยป้องกันสิ่งสกปรกบนพื้น ไม่ทำให้เท้าหนูเลอะและเหยียบอะไรที่อันตราย ใช่ไหมคะ" เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้ความอ่อนโยนในการเลี้ยงดูและช่วยเสริมสร้างวิธีการคิดที่เป็นเหตุและผลให้แก่ลูกน้อย นอกจากนี้ ความอ่อนโยนยังเปรียบเสมือนตัวกลางในการสร้างสายสัมพันธ์ ให้ลูกกลายเป็นคนที่เคารพคำพูดและความคิดซึ่งกันและกันอีกด้วย และด้วยวัยอันน้อยนิดอาจจะไม่ทำให้เขาเข้าใจได้ทั้งหมด แต่พฤติกรรมเหล่านี้จะซึมซับลงไปในตัวลูกน้อย ค่อยๆ หล่อหลอมให้เขากลายเป็นคนที่รู้จักรับฟังเหตุและผล ไม่ใช้อารมณ์ และไม่เป็นคนที่เลือกใช้ความรุนแรงเป็นทางออก การใช้ความอ่อนโยนเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยแก้สถานการณ์ต่างๆ ได้ และผลของการใช้ความอ่อนโยนนั้น จะทำให้ลูกเติบโตเป็นคนดี มีคุณภาพ รู้กฎเกณฑ์ในสังคมต่างๆ และยังช่วยเสริมสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างลูกกับพ่อแม่ให้แน่นแฟ้นและยั่งยืน
นอกจากการเลี้ยงดูอย่างอ่อนโยนจะส่งเสริมให้ลูกเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ การเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อลูกน้อย ก็เป็นการสะท้อนถึงความรัก ความเอาใจใส่ได้เป็นอย่างดีเช่นกัน ผลิตภัณฑ์ของจอห์นสัน จึงพร้อมที่จะเป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงความรักจากพ่อแม่สู่ลูก โดยเฉพาะเรื่องสำคัญอย่างการดูแลผิวอันบอบบางของลูกน้อย การใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนเป็นพิเศษและใช้เวลาผ่านการทำกิจกรรมรวมกันในครอบครัว เช่น การอาบน้ำให้เจ้าตัวน้อย และการทาโลชั่นเพื่อปกป้องผิวที่บอบบางของลูก ทำให้ลูกน้อยรู้สึกผ่อนคลายจากกลิ่นหอม อ่อนโยน ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของจอห์นสัน อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาคุณภาพที่คุณพ่อและแม่ได้ใช้เวลากับลูกๆได้อย่างเต็มที่ เพราะการใช้เวลาร่วมกันของครอบครัวนำไปสู่การพัฒนาสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และเจ้าตัวน้อยให้แน่นแฟ้นมากขึ้นอีกด้วย
จอห์นสันใช้เวลากว่า 10 ปี เพื่อศึกษาและวิจัย จนพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวลูกน้อย อย่าง จอห์นสัน คอตตอนทัช (Johnson's CottonTouch) สบู่เหลวอาบน้ำและโลชั่น สูตรที่อ่อนโยนที่สุดและปราศจากพาราเบน (สารกันเสีย) พาทาเลต (สารที่ช่วยเพิ่มความหนืดให้กับผลิตภัณฑ์) ซัลเฟต (สารที่ทำให้เกิดฟอง) และสีสังเคราะห์ ที่เหมาะสมกับเด็กแรกเกิด อายุ 0 - 1 ปี โดยเฉพาะ พร้อมช่วยเสริมสร้างกระบวนการสร้างสกิน ไมโครไบโอม (Skin Microbiome) เพื่อรักษาสมดุลและความหลากหลายของแบคทีเรียบนชั้นผิว เพื่อผิวของลูกน้อยแข็งแรง และมีสุขภาพดีแถมยังไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง คงความชุ่มชื้น อีกทั้งยังสามารถรักษาค่า pH 5.5 ตามธรรมชาติของผิวทารกได้เป็นอย่างดี
อยากให้ลูกน้อยเติบโตอย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากความรัก ความเอาใจใส่ การมีผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยเติมเต็มเรื่องการสัมผัสอย่างปลอดภัยและอ่อนโยน ยังถือว่าเป็นตัวช่วยที่จะทำให้การดูแลลูกน้อยสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit