สำหรับการลงนามความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในครั้งนี้ จึงนับเป็นครั้งแรกที่เป็นการยกระดับความร่วมมือทางวิชาการร่วมกัน อีกทั้งยังส่งเสริมการใช้ทร้พยากรสารสนเทศ และการแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างหน่วยงาน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานร่วมกัน โดยเชื่อว่าความร่วมมิอภายในระยะเวลา 3 ปีจะเห็นถึงการพัฒนาห้องสมุดทั้ง 3 สถาบันที่เข้มแข็งและเป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอน และการสร้างสรรค์ผลงานทางวิชาการของทั้ง 3 สถาบัน
ด้านรองศาสตราจารย์ ดร.อมร เพชรสม ผู้อำนวยการสำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีเป้าหมายสำคัญเพื่อการเป็นหอสมุดกลางของประเทศ ส่งเสริมการเรียนรู้แบบไม่มีขีดจำกัด ด้วยการพัฒนาบริการและนวัตกรรมใหม่ๆ พร้อมกับการขยายความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เช่นกัน สำหรับการลงนามความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้ จึงเป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่จะเป็นประโยชน์ต่อทุกๆ หน่วยงาน ไม่ได้เฉพาะหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเท่านั้น แต่จะเป็นประโยชน์กับนิสิต นักศึกษา อาจารย์ และนักวิจัยของแต่ละสถาบัน ที่จะมีแหล่งค้นคว้าและใช้ข้อมูลได้กว้างขวางมากขึ้น รวมไปถึงบุคลากรของทั้ง 3 หน่วยงานที่จะได้ร่วมมือและปฏิบัติงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด อีกทั้งมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้และแบ่งปันประสบการณ์การทำงานในมุมมองและบริบทที่แตกต่างเพื่อประสานการทำงานได้อย่างเหมาะสม
ด้านนางสาววรารักษ์ พัฒนเกียรติพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ในส่วนของสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ การลงนามความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้นับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่มหาวิทยาลัยทั้ง 3 แห่งได้ร่วมมือกันในการพัฒนาห้องสมุด เพราะเชื่อว่าแต่สถาบันต่างมีจุดเด่น และมีทรัพยากรสารสนเทศที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านประวัติศาสตร์ สังคมศาสตร์ ด้านศิลปวัฒนธรรม รวมไปถึงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยขับเคลื่อนผ่านห้องสมุดของทั้ง 3 สถาบัน ในการทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการและประสานงานด้านการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรสารสนเทศระหว่างกัน เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลาของนักศึกษา และสร้างความเข้มแข็งทางด้านแหล่งเรียนรู้เพื่อการค้นคว้าวิจัยของอาจารย์และนักวิจัยของแต่ละสถาบันด้วย
ทั้งนี้ สำหรับแผนการดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือทางวิชาการของทั้ง 3 สถาบัน อาทิ การจัดประชุมวิชาการ การพัฒนาทรัพยากรอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ฉบับย้อนหลัง ระบบหนังสือหายาก การศึกษาดูงานและเรียนรู้การทำงานทั้งในด้านจดหมายเหตุของสถาบันและคอลเลคชันพิเศษ การพัฒนาข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ WMS งานด้านการสื่อสารองค์กรและการผลิตสื่อมัลติมีเดีย รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการพัฒนาระบบบริหารคุณภาพตามมาตรฐาน ISO 9001:2015 เพื่อนำมาใช้ในการบริหารงานห้องสมุด ซึ่งหอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ผ่านการรับรองระบบมาตรฐานตั้งแต่ปี 2560 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ การที่ทั้ง 3 สถาบันได้มีความร่วมมือกันอย่างครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งในส่วนของการพัฒนาทางด้านวิชาการ บริการ บุคลากร และการพัฒนาทรัพยากรสารสนเทศร่วมกัน นับได้ว่าความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อการศึกษา ค้นคว้า วิจัย ของทั้ง 3 สถาบันเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการร่วมกันพัฒนาทรัพยากรสารสนเทศซึ่งถือเป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของชาติ ซึ่งจะมีส่วนทำให้ภาคสังคมเข้าถึงทรัพยากรสารสนเทศอันเป็นขุมทรัพย์ทางปัญญานี้ได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้นอีกด้วย
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit