"เรามาถึงจุดที่ผู้ชมพร้อมรับเรื่องราวการแตกแยกและมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คนดีกลายเป็นคนเลว ฮีโร่เสียการควบคุมจนกลายเป็นภัยร้ายที่ถึงขั้นฆ่าคนได้" ไซมอน คินเบิร์ก, ผู้กำกับฯ
"เสียงดนตรีประกอบไม่ใช่แค่การสร้างบรรยากาศและทำให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่มีผลต่อการส่งอารมณ์ของตัวละคร ทำให้เนื้อเรื่องเข้มข้นมากขึ้น แต่ก็ไม่ทำให้มีความอ่อนไหวจนเกินไป" ฮานส์ ซิมเมอร์, นักประพันธ์ดนตรี
"ผมรู้สึกว่าโทนเรื่องที่ดูมีความกล้าบ้าบิ่นจะเหมาะกับเรื่องนี้ หนัง X-Men จะต้องให้ความรู้สึกที่สมจริงมากขึ้น ต้องเข้าถึงผู้ชมมากขึ้น และต้องรู้สึกได้ถึงการทำลายล้างอีกครั้ง" ทอดด์ ฮอลโลเวล, ผู้อำนวยการสร้างฯ
"สิ่งแรกที่เราคุยกันคืออยากทำให้หนังเรื่องนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความจริง เราอยากให้โทนสีดูมืดลง ไม่มีสีสันฉูดฉาดเหมือนหนังเรื่องก่อน ๆ" คล้อด พาเร่, ผู้ออกแบบฉาก
"ฉากต่อสู้ครั้งใหญ่ที่ทุกคนใช้พลังวิเศษกลางที่สาธารณะ เป็นสิ่งที่เราไม่ค่อยได้เห็นในหนัง X-เม็น เพราะมนุษย์จะได้รับความเสียหาย แต่นั่นเป็นฉากไฮไลท์ที่น่ากลัวมากครับ" ฟิล เบร็นแนน, ผู้ควบคุมวิชวลเอฟเฟ็กต์
"ดาร์ก ฟีนิกซ์ไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่ที่จะมาปกป้องโลก เธอเป็นตัวละครไม่กี่ตัวที่ได้รับความทรมานและถูกทำลาย ตัวเธอไม่ใช่สีดำหรือสีขาว มันเป็นสีเทา ซึ่งมันตรงชีวิตจริงของใครหลายคน" โซฟี เทอร์เนอร์, นักแสดง
"ในเรื่องนี้ชาร์ลส ซาเวียร์จะเริ่มเชื่อในสิ่งที่เขาแสดงออกอย่างเกินจริง ถ้าพวกเขาพลาดในสิ่งที่ทั้งโลกให้ความคาดหวัง และชาร์ลสไม่รับผิดชอบทีมของเขา เขาจะรู้สึกว่ามันสะท้อนถึงตัวเขาในทางที่ไม่ดี" เจมส์ แม็คอะวอย, นักแสดง
"ตอนที่ฉันคุยเรื่องบทครั้งแรก ฉันมีไอเดียให้ตัวละครทิ้งความรู้สึกจากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เธอคิดว่ามนุษย์เหมือนเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ได้ทำร้ายแค่ตัวเองเท่านั้น แต่ยังทำร้ายโลกเพราะใช้ทุกสิ่งด้วยความโลภ" เจสสิก้า แชสเทน, นักแสดง
พิสูจน์ความทุ่มเทและความยิ่งใหญ่อลังการของทุกองค์ประกอบได้ใน
"X-Men: Dark Phoenix – X-เม็น ดาร์ก ฟีนิกซ์"
ฉายแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์
HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit