นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา รัฐบาลนี้ได้ให้ความสำคัญกับชาวนามาโดยตลอด เพราะถือว่ากลุ่มคนที่อยู่ในอาชีพนี้ คือผู้ผลิตอาหารหลัก และสร้างรายได้ให้กับประเทศปีละเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงพยายามที่จะดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนาให้ดีขึ้น และมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวนาให้ดีขึ้น โดยการสนับสนุนให้ทำการเกษตรสมัยใหม่ ใช้นวัตกรรมที่เหมาะสม เพื่อลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มคุณภาพผลผลิต ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกัน แบบบูรณาการของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น โครงการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ หรือนาแปลงใหญ่ โครงการเกษตรอินทรีย์ แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ซึ่งโครงการเหล่านี้ ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็ง และเป็นรากฐานที่มั่นคงยั่งยืน ให้แก่พี่น้องชาวนาทั้งสิ้น นอกจากนั้น ในช่วงเวลาที่พี่น้องชาวนาได้รับความเดือดร้อน จากภัยพิบัติต่างๆ สร้างความเสียหายให้แก่นาข้าว รัฐบาลก็ไม่เคยนิ่งนอนใจ พยายามเร่งหามาตรการต่างๆ เพื่อให้การช่วยเหลือได้ทันท่วงที เช่น การชดเชยความเสียหาย การสนับสนุนปัจจัยการผลิต เพราะตระหนักอยู่เสมอว่า "ชาวนาคือคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ ถ้าชาวนาไม่มีความสุข ประเทศโดยภาพรวมก็คงจะมีความสุขไปไม่ได้"
คงทราบกันดีอยู่ว่าสถานการณ์ต่างๆ ของโลกเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น เราจึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ ทำความเข้าใจให้ชัดเจนกับสิ่งใหม่ๆ ที่จะเข้ามาในวิถีชีวิตของเรา ในภาคการเกษตรวันนี้ แรงงานลดลง และยังเป็นแรงงานที่มีอายุมาก แต่มีเทคโนโลยีหลากหลายให้เลือกใช้แทนแรงงานคน ก็ต้องพิจารณาเลือกใช้ให้เหมาะสม ส่วนในภาคการตลาดนั้น วันนี้การค้าขายมีช่องทางมากขึ้น ให้สามารถติดต่อค้าขายกับผู้ซื้อได้โดยตรง ซึ่งถ้าเราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เหล่านี้ ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก แต่ในการผลิตนั้นสิ่งที่อยากจะเน้นย้ำให้ยึดถือเป็นหลักไว้ในใจก็คือ "การผลิตที่มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค และการผลิตที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม" ในอดีตที่ผ่านมาจนถึงวันนี้
นายประสงค์ ประไพตระกูล อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบกำหนดให้วันที่ ๕ มิถุนายนของทุกปี เป็นวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนได้รำลึก ถึงความสำคัญของข้าวที่คนไทยใช้เป็นพืชอาหารหลัก รวมทั้งเพื่อเชิดชูเกียรติชาวนาที่ได้เสียสละทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจปลูกข้าวให้คนไทยทุกหมู่เหล่าได้มีอาหารบริโภคอย่างอุดมสมบูรณ์ ตลอดมา นอกจากนี้ ยังมุ่งหวังที่จะสร้างความภาคภูมิใจให้กับลูกหลานชาวนาไทย ซึ่งจะเป็น ผู้สืบทอดอาชีพการทำนาในอนาคตด้วย เหตุผลที่เลือกวันที่ 5 มิถุนายนเป็นวันข้าวและชาวนาแห่งชาตินั้น สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ ได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ คือ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ไปทอดพระเนตรกิจการของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน ในโอกาสนั้นทั้งสองพระองค์ ได้ทรงหว่านข้าว ณ แปลงนาภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงถือว่าวันดังกล่าว เป็นวันที่เป็นสิริมงคลอย่างยิ่งแก่กิจการด้านข้าวของประเทศ
ดังนั้น เพื่อให้วันสำคัญนี้มีความหมายสมดังเจตนารมณ์ที่คณะรัฐมนตรีได้กำหนดไว้ ซึ่งกรมการข้าว ได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งชาวนาจัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าวระดับประเทศ เนื่องในวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ประจำปี 2562 ภายใต้โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ในระหว่างวันที่ 5 - 7 มิถุนายน 2562 ณ บริเวณกรมการข้าว ภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทย และพระราชวงศ์ทุกพระองค์ที่ทรง ให้ความสำคัญต่อกิจการด้านข้าวมาโดยตลอด รวมทั้งเป็นการให้ความสำคัญต่อข้าว ซึ่งเป็นพืชอาหารหลักของคนไทยทั้งประเทศ และเชิดชูเกียรติชาวนาไทยในฐานะผู้ผลิตอาหารหลักให้กับประชาชน ซึ่งเปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของชาติ และภายในงานได้จัดให้มีกิจกรรมที่สำคัญ อาทิเช่น การจัดพิธีบวงสรวงแม่โพสพ การจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงงานด้านข้าวและชาวนา การเชิดชูเกียรติชาวนาและแสดงผลงานองค์กรชาวนา การจัดนิทรรศการและแสดงผลงานของหน่วยงานราชการและเอกชน การจัดเวทีเสวนาข้าวและชาวนา การสาธิตและประกวดแข่งขัน การจำหน่ายสินค้าข้าวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว รวมทั้งกิจกรรมอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อชาวนา