เชื่อมั่นในศักยภาพของเวียดนามในฐานะศูนย์กลางการผลิตที่มีประสิทธิภาพ
นายมาร์ติน ชรีเบอร์ ประธานแผนกอุตสาหกรรมของบริษัทแชฟฟ์เลอร์ เอเชียแปซิฟิก กล่าวในระหว่างพิธีเปิดว่า "การขยายกำลังการผลิตชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของเราที่มีต่อเวียดนามในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการผลิตที่ดีเยี่ยมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และพร้อมให้บริการลูกค้าในระดับภูมิภาค และระดับโลก ด้วยผลิตภัณฑ์ตลับลูกปืน และระบบที่ดีที่สุด"
นายคลาส มูลเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิต บริษัท แชฟฟ์เลอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกล่าวเสริมว่า "เราถือว่าโรงงานในเวียดนามเป็นหนึ่งในโรงงานที่มีประสิทธิภาพและทันสมัยที่สุดในเครือข่ายทั่วโลกของเรา"
โรงงานใหม่นี้ตั้งอยู่ที่เขตนิคมอุตสาหกรรมอมตะในเมืองเบียนฮัว ประมาณ 50 กิโลเมตรจากเมือง โฮจิมินห์ซิตี้ โดยมีสายการผลิตตลับลูกปืนอุตสาหกรรม และส่วนประกอบสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย บริษัทแชฟฟ์เลอร์ลงทุนครั้งแรกในเวียดนามเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มจากการผลิตตลับลูกปืนเม็ดเรียว (TRB) ตลับลูกปืนกลมพร้อมเสื้อเหล็กหล่อ (RIBB) และตลับลูกปืนคอพวงมาลัย (SCB) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการลงทุนใหม่ครั้งนี้ บริษัทแชฟฟ์เลอร์จะเพิ่มกำลังการผลิตของผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ และเพิ่มสายผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับ RIBB ขยายเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์หลักของกลุ่มแชฟฟ์เลอร์ - ตลับลูกปืนเม็ดเข็ม (NRB)
ผลิตในเอเชียแปซิฟิก – สำหรับลูกค้าทั่วโลก
นายเฮลมุท โบวด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แชฟฟ์เลอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า "โรงงานแห่งใหม่ได้รับการพัฒนาบนแนวคิดแบบ modular concept ด้วยพื้นที่อาคารรวม 25,000 ตารางเมตร ในเฟสที่ 1 และบริษัทฯ ยังคงเติบโตในด้านความสามารถด้านวิศวกรรม และการผลิต โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพสูงสุดให้กับลูกค้าในภูมิภาคและทั่วโลก การลงทุนของแชฟฟ์เลอร์ครั้งนี้ นับเป็นการลงทุนครั้งที่สองเพื่อขยายกำลังการผลิตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเมื่อปี 2559 แชฟฟ์เลอร์ได้เปิดโรงงานแห่งใหม่ที่แรกสำหรับผลิตภัณฑ์ยานยนต์ในประเทศไทยมาก่อน และในวันนี้เรามีความภาคภูมิใจที่จะเฉลิมฉลองการเปิดโรงงานที่ทันสมัยแห่งใหม่นี้สำหรับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมในเวียดนาม และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเวียดนามลูกค้า คู่ค้า และพันธมิตรเป็นอย่างดี ทำให้เรามั่นใจว่าแชฟฟ์เลอร์ได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่งของธุรกิจอุตสาหกรรมในระยะยาว และอย่างยั่งยืนในภูมิภาคนี้ "
สินค้าที่ผลิตในเวียดนามจะกระจายให้กับลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้ง การเกษตร การก่อสร้างและเหมืองแร่ ระบบส่งกำลังไฟฟ้า การแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมสิ่งทอ กระดาษ เหล็ก ซีเมนต์ และธุรกิจรถจักรยานยนต์
อุตสาหกรรม 4.0 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต
โรงงานใหม่นี้จะติดตั้งเครื่องจักรผลิตที่ทันสมัยและเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของ แชฟฟ์เลอร์ในการรักษามาตรฐานคุณภาพที่เหมือนกันทั่วโลก และที่นี่ยังเป็นโรงงานแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใช้โซลูชัน อินดัสตรี 4.0 ล่าสุดที่พัฒนาโดยแชฟฟ์เลอร์ อีกทั้งยังติดตั้งอุปกรณ์ตรวจสอบสภาพของแชฟฟ์เลอร์ SmartCheck TM ถึง 70 ตำแหน่งที่สำคัญภายในโรงงาน
นายซึงฮุน ปาร์ค กรรมการผู้จัดการ และผู้จัดการโรงงานแชฟฟ์เลอร์เวียดนามกล่าวว่า "การพัฒนาภาคการผลิตเป็นสิ่งที่รัฐบาลเวียดนามให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ ด้วยการเข้าถึงแรงงานที่มีทักษะสูงและความมุ่งมั่นในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีที่สุดแก่ลูกค้าของเรา แชฟฟ์เลอร์ประเทศเวียดนามได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นฐานการผลิตที่มีประสิทธิภาพ และในปี พ.ศ. 2561 เราประสบความสำเร็จ ครั้งสำคัญในการส่งมอบผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการขยายกำลังการผลิตของแชฟฟ์เลอร์ครั้งนี้ ทำให้เรามั่นใจในการบรรลุมาตรฐานคุณภาพและความพึงพอใจของลูกค้าที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกันก็มีส่วนช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมในเวียดนามและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้นเติบโตเพิ่มมากขึ้น"
เกี่ยวกับแชฟฟ์เลอร์
กลุ่มแชฟฟ์เลอร์เป็นผู้จำหน่ายสินค้าด้านยานยนต์และอุตสาหกรรมระดับโลก ด้วยการนำเสนอส่วนประกอบ และระบบที่มีความแม่นยำสูงในเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง และตัวถัง รวมถึงโซลูชั่นตลับลูกปืนแบบเม็ดกลม และแบบธรรมดาสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมจำนวนมาก กลุ่มแชฟฟ์เลอร์ได้สร้างแนวคิด "การขับเคลื่อนเพื่ออนาคต" เทคโนโลยีของเราสร้างยอดขายได้ประมาณ 14.2 พันล้านยูโรในปี 2561 โดยมีพนักงานประมาณ 92,500 คน แชฟฟ์เลอร์เป็นหนึ่งในบริษัทครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีสำนักงานสาขากว่า 170 แห่งในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ทั้งที่เป็นโรงงาน ศูนย์วิจัยและพัฒนา และสำนักงานขาย ด้วยการลงทะเบียนสิทธิบัตรมากกว่า 2,400 รายการในปี 2561 แชฟฟ์เลอร์เป็นบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดเป็นอันดับสองของเยอรมนีตาม DPMA (สำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าเยอรมัน)
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit