นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยภายหลังการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงสินเชื่อโครงการ "บ้านคนไทยประชารัฐ" ระหว่างธนาคารอาคารสงเคราะห์ กรมธนารักษ์ และธนาคารออมสินว่า ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีพันธกิจ "ทำให้คนไทยมีบ้าน" พร้อมให้การสนับสนุนสินเชื่อโครงการ "บ้านคนไทยประชารัฐ" บนที่ดินราชพัสดุ ซึ่งถือเป็นโครงการที่จะมีส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายภาครัฐที่ต้องการให้คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองโดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เพื่อสร้างความมั่นคง และยกระดับคุณภาพชีวิต ซึ่งการลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ ธอส. พร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการทั้งในด้านสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำร่วมกับธนาคารออมสินด้วยกรอบวงเงินรวม 4,000 ล้านบาท ให้แก่ผู้เช่าที่ราชพัสดุ แบ่งเป็น 1.สินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย(Pre Finance) อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน ปีที่ 1 – 3 เท่ากับ 3.00% ต่อปี ส่วนปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้เท่ากับ MLR – ไม่เกิน 1% ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MLR ธอส. กับ 6.25% ต่อปี) ระยะเวลาการผ่อนชำระไม่เกิน 5 ปี ให้กู้สำหรับผู้ประกอบการ ที่มีวัตถุประสงค์การกู้เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยตามเงื่อนไขของโครงการบ้านคนไทยประชารัฐ และ 2.สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Post Finance) อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน ปีที่ 1 - 4 เท่ากับ 2.75 % ต่อปี และปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้กรณีลูกค้ารายย่อย MRR - 0.75% ต่อปี และกรณีลูกค้าสวัสดิการหักเงินเดือน MRR – 1% ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ธอส. อยู่ที่ 6.75% ต่อปี) ให้กู้เพื่อที่อยู่อาศัยบนที่ดินราชพัสดุ ภายใต้โครงการ "บ้านคนไทยประชารัฐ" ในระดับราคา 350,000-700,000 บาท/หน่วย ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 30 ปี พร้อมได้รับการผ่อนปรนการกำหนดอัตราส่วนการชำระหนี้ต่อรายได้ต่อเดือน (Debt Service Ratio : DSR) ตามที่ธนาคารกำหนด ซึ่งจะช่วยให้ผู้รายได้น้อยมีโอกาสได้รับวงเงินกู้ในระดับที่เหมาะสมมากยิ่งขึ้น โดยผู้ที่มีคุณสมบัติได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ สามารถมาติดต่อยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมกับธนาคารได้ตั้งแต่ บัดนี้จนถึงวันที่ 2 มกราคม 2566
ทั้งนี้ ความร่วมมือของโครงการ "บ้านคนไทยประชารัฐ" บนที่ดินราชพัสดุ ถือเป็นการดำเนินงานตามกรอบการดำเนินโครงการที่คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2561 ซึ่งโครงการมีกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.ประชาชนที่อยู่ในทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐกับกระทรวงการคลัง 2.ประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 35,000 บาทต่อคนต่อเดือน และ 3.ประชาชนทั่วไป (อัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด) โดยให้สิทธิพิจารณาผู้เข้าร่วมโครงการจากประชาชนที่อยู่ในทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐกับกระทรวงการคลังเป็นลำดับแรก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000 หรือ www.ghbank.co.th และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit