ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายกสมาคมดินโลก ประธานเปิดโครงการ กล่าวว่า ประเทศไทยพบพื้นที่ประสบปัญหาการชะล้างพังทลายของดิน กว่า 108 ล้านไร่ หรือ ร้อยละ 33 ของพื้นที่ประเทศ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอัตราส่วนการชะล้างพังทลายของดินของโลกและกลุ่มประเทศในเอเชียและแปซิฟิก การจัดงานวันดินโลก คณะกรรมการ Global Soil Partnership และ FAO จึงกำหนดให้ทั่วโลกร่วมกันรณรงค์ "Stop Soil Erosion, Save our Future" เพื่อช่วยแก้ไขและป้องกันปัญหาความแห้งแล้งและการขาดแคลนอาหารในระยะยาว ซึ่งปัญหานี้ สามารถทำได้โดยใช้ศาสตร์พระราชา คือ การทำนาและคลองไส้ไก่ เพื่อกักเก็บน้ำและตะกอน การปลูกหญ้าแฝก ฝายชะลอน้ำ และป่า 5 ระดับ จากการดูพื้นที่แก่นมะกรูด ซึ่ง World soil Day กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เพื่อเชิดชูพระอัจฉริยภาพด้านการอนุรักษ์ และพัฒนาทรัพยากรดินขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9
ด้าน นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานวางแผนยุทธศาสตร์และพัฒนาความยั่งยืนองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท บางจากฯ ให้ความสำคัญในการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมมาโดยตลอด รวมถึงการมีส่วนร่วมชะลอปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาวะสภาพภูมิอากาศ หรือโลกร้อน การขยายธุรกิจสู่พลังงานสีเขียว พร้อมพัฒนาธุรกิจ Bio Economy โดยในปีนี้ได้เข้าร่วมโครงการด้านดิน เพราะเห็นว่าเป็นแนวที่จะช่วยบรรเทาผลกระทบจากโลกร้อน เพราะดินเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่จะก่อให้เกิดชีวิต เป็นแหล่งอาหาร แหล่งพลังงาน หากดินเสื่อมภาพจะนำภัยพิบัติมาสู่ผู้คน โดยเฉพาะเกษตรกร เนื่องในโอกาส 35 ปี บางจากฯ จึงเข้าร่วมโครงการ "หยุดการชะล้างพังทลายของดิน คืนชีวิตให้แก่นมะกรูด" ร่วมกับสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ กรมพัฒนาที่ดินและจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเป็นเครือข่ายขับเคลื่อนเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาการชะล้างพังทลายของดินด้วยการน้อมนำศาสตร์พระราชามาใช้ในการอนุรักษ์ดินและน้ำ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดินของเกษตรกรตำบลแก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี และยังป้องกันการบุกรุกพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
ทั้งนี้จะน้อมนำศาสตร์พระราชาไปลงทำงานนำร่องกับ 4 ครอบครัว พื้นที่กว่า 20 ไร่ และทำในลักษณะโครงการวิจัย มีติดตามวัดผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นทั้งมิติด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยได้วางแผนกำหนดตัวชี้วัดผลลัพธ์สำคัญ และติดตามการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวเนื่องจากการหยุดชะล้างหน้าดินร่วมกับกรมพัฒนาที่ดิน อย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีนี้
ด้าน นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ที่ปรึกษา สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระฯ กล่าวถึงความสำคัญของตำบลแก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ว่า ในพื้นที่แก่นมะกรูดมีรถไถไม่น้อยกว่า 240 คัน การใช้เครื่องจักรไถพรวนหน้าดินในพื้นที่ลาดชันเพื่อทำไร่ กับการเผาหน้าดิน เป็นตัวเร่งการชะล้างพังทลายของดินให้รุนแรง ซึ่งพื้นที่นี้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญเป็นป่าต้นน้ำและป่ารอยต่อป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อพื้นที่เดิมทำเพาะปลูกไม่ได้ ป่าก็เสี่ยงที่จะถูกบุกรุกเพิ่ม โครงการ "หยุดการชะล้างพังทลายของดิน ด้วยศาสตร์พระราชา" นี้จะช่วยให้ชาวบ้านตระหนักถึงความสำคัญในการรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดินและการบริหารจัดการพื้นที่ของตัวเองให้มีทั้งดินดี น้ำดี แล้วป่าก็จะกลับมา น้อมนำแนวพระราชดำริมาใช้ได้อย่างดี
ในส่วนของกรมพัฒนาที่ดิน ซึ่งเป็นหน่วยงานหลัก นายศรีศักดิ์ ธานี ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่ดิน เขต 9 กล่าวถึงโครงการนี้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยและโลกในระยะยาว รวมทั้งเป็นการเทิดพระเกียรติพระอัจฉริยภาพด้านการอนุรักษ์ และพัฒนาทรัพยากรดินขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 จึงถือเป็นภารกิจที่กรมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
#Bangchak35yrs
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit