TVD แตกไลน์ธุรกิจขายคอนเทนต์ นำร่อง สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม พม่า

11 Jun 2019
'บมจ.ทีวี ไดเร็ค' หรือ TVD สบช่องแตกไลน์ธุรกิจขายคอนเทนต์ในต่างประเทศ นำร่อง สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม และพม่า หลังได้รับสิทธิ์เพิ่มเติมจาก บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย ให้เป็นผู้จำหน่ายคอนเทนต์สารคดีและซีรีส์อินเดียบางส่วนที่ขอซื้อลิขสิทธิ์ ด้านผู้บริหารเผยผลตอบรับนับจากเดือนเมษายนที่ผ่านมามียอดขายแล้ว 40 ล้านบาท
TVD แตกไลน์ธุรกิจขายคอนเทนต์ นำร่อง สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม พม่า

นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ผู้นำธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่าน Omni Channelเปิดเผยว่า บริษัทฯ แตกไลน์สู่ธุรกิจรับจำหน่ายคอนเทนต์ในประเทศ สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม และพม่า หลังจากเจรจาขอซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ประเภทสารคดีและซีรีส์ละครอินเดียจำนวน 60 – 70 เรื่องจากบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN เป็นระยะเวลาประมาณ 2 ปี และได้รับสิทธิ์เพิ่มเติมให้บริษัทฯ สามารถนำคอนเทนต์บางส่วนที่ซื้อลิขสิทธิ์ไปจำหน่ายในกลุ่มประเทศดังกล่าวเพื่อต่อยอดสร้างรายได้เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัทฯ เริ่มนำคอนเทนต์ในส่วนที่ได้รับสิทธิ์จำหน่ายใน 3 ประเทศดังกล่าว โดยเสนอขายผ่านเอเย่นต์เพื่อเจาะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ปรากฏว่ามีผลตอบรับในช่วงแรกเป็น

ที่น่าพอใจ สามารถปิดการขายคอนเทนต์สารคดีและซีรีส์ละครอินเดียจากลูกค้าในกัมพูชาและเวียดนาม รวมมูลค่า 40 ล้านบาท จากที่คาดว่าจะมียอดขายคอนเทนต์ในช่วงแรกเฉลี่ยเดือนละ 12-20 ล้านบาท

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TVD กล่าวว่า การที่บริษัทฯ เข้าซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์จำนวนมากจาก JKN เพื่อนำมาต่อยอดจากธุรกิจหลักที่มีแผนขยายการดำเนินธุรกิจภายใต้รูปแบบการเป็นผู้ร่วมผลิตรายการกับสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลช่องต่างๆ เนื่องจากจะส่งผลให้บริษัทฯ มีรูปแบบคอนเทนต์ที่หลากหลาย ทั้งการผลิตรายการเสนอขายสินค้า รายการสารคดีและซีรีส์ละครอินเดีย ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจเทียบกับในอดีตที่เป็นผู้ผลิตรายการเสนอขายสินค้าแบบโฮมช้อปปิ้งเป็นหลัก นอกจากนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพและขยายฐานผู้รับชมแก่ช่องทีวีดิจิทัลที่เป็นคู่ค้ากับบริษัทฯ อีกด้วย

"การทำธุรกิจในปัจจุบันจะหยุดนิ่งไม่ได้ บริษัทฯ ต้องมองโอกาสใหม่ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพและความได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน รวมถึงมีพันธมิตรธุรกิจที่จะส่งเสริมซึ่งกันและกัน ซึ่งการที่เรามีคอนเทนต์รูปแบบอื่นๆ ในมือเพิ่มขึ้น จะสามารถนำเสนอรายการเป็นแพ็กเก็จในการเจรจากับสถานีทีวีดิจิทัลเพื่อเป็นผู้ร่วมผลิตรายการทีวี" นายทรงพล กล่าว