บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานกว่า 56 ปี โดยมีความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนความสุขสู่สังคมไทย ด้วยการเป็นองค์กรที่มีส่วนร่วมและส่งเสริมพัฒนาการอย่างยั่งยืนของสังคมไทยทั้ง 3 มิติ ในด้าน สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด "การแบ่งปันที่ไม่สิ้นสุด" โดยในด้านสิ่งแวดล้อม โตโยต้าให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและรักษาสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ มุ่งเน้นการดำเนินงานในทุกกระบวนการอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมแก่สังคมไทย ผ่านกิจกรรมต่างๆ ภายใต้โครงการ "โตโยต้า เมืองสีเขียว เพื่อธรรมชาติ เพื่อทุกชีวิต" โดยมีวัตถุประสงค์ในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น เมืองสีเขียว สะท้อนการใช้ชีวิตในเมืองอย่างมีคุณภาพร่วมกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กิจกรรมสำคัญของโตโยต้าเมืองสีเขียว คือ การส่งต่อองค์ความรู้ในการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมของโตโยต้าเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อมของชุมชนเมือง ส่งเสริมให้คนในชุมชนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์อย่างเป็นรูปธรรม โดยร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าและชุมชนในการออกแบบกิจกรรมให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตของแต่ละพื้นที่ โดยโครงการ "โตโยต้า เมืองสีเขียว อยุธยา" ถือเป็นจังหวัดแรกที่โตโยต้าได้นำองค์กรความรู้ในการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมของโตโยต้ามาประยุกต์ใช้อย่างเต็มรูปแบบ โดยความร่วมมือกับเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ในการบูรณะเรือนจำเก่า หน้าตลาดหัวรอ บนพื้นที่ขนาด 8 ไร่ให้เป็น "ศูนย์การเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมแห่งแรกนอกโรงเรียน" ต่อจากศูนย์การเรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพและความยั่งยืน "ชีวพนาเวศ" ในโรงงานโตโยต้าบ้านโพธิ์ โดยนำองค์กรความรู้ในการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมทั้ง 5 ด้านของโตโยต้ามาจัดแสดงภายในพื้นที่เมืองสีเขียว ได้แก่
1.การเพิ่มพื้นที่สีเขียว Increasing Green Area ส่งเสริมการอนุรักษ์พันธุ์ไม้ท้องถิ่น การปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว โดยเน้นไม้ยืนต้น โดยใช้ความรู้ด้านการปลูกป่านิเวศตามหลักของศาสตราจารย์ ดร.อากิระ มิยาวากิ ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกป่าจากประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ทำให้ต้นไม้มีอัตราการรอดตายสูง (มากกว่า 90%) และร่นระยะเวลาการเจริญเติบโตตามธรรมชาติให้เร็วขึ้น 10 เท่า ตลอดจนสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าการปลูกป่าโดยทั่วไป
2.การจัดการขยะ Waste Management โดยการจัดการขยะอย่างครบวงจร ตั้งแต่การส่งเสริมการลดปริมาณขยะ ลดการใช้สินค้าที่ก่อให้เกิดขยะ การคัดแยกขยะและการนำไปใช้ประโยชน์ และการกำจัดขยะแบบถูกต้องตามหลักสุขาภิบาล
3.การอนุรักษ์น้ำ Water Management การส่งเสริมการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า การประหยัดน้ำ การนำทรัพยากรน้ำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการติดตั้งถังเก็บน้ำที่ออกแบบในลักษณะของไม้ยืนต้นจำลอง เพื่อรองรับน้ำฝนที่ตลกลงมาตามธรรมชาติและจากรางน้ำฝนมากักเก็บไว้ พร้อมฐานกว้างซึ่งสร้างจากวัสดุที่มีลักษณะเป็นรูพรุนเรียกว่า อิฐกรองน้ำ น้ำฝนที่ตกลงมาจะไหลลงสู่พื้น ผ่านการกรองของอิฐกรองน้ำเพื่อความสะอาด ไหลซึมลงสู่บ่อเก็บน้ำ ใต้ดินขนาด 10,000 ลิตร เพื่อนำกลับไปใช้ในการรดน้ำต้นไม้และกิจกรรมอื่นๆ ภายในศูนย์การเรียนรู้
4.การลดการใช้พลังงานและการใช้พลังงานทางเลือก Renewable Energy ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานทดแทน อาทิ พลังงานแสดงอาทิตย์และการนำแบตเตอรี่ไฮบริดที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ (re-use) ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ โตโยต้า เมืองสีเขียว อยุธยา ใช้พลังงานไฟฟ้าที่ได้มาจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่จอดรถพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Power Parking Canopy)ที่มีพื้นที่แผงเซลล์แสงอาทิตย์จำนวนกว่า 500 ตารางเมตร สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 100 กิโลวัตต์ เทียบเท่ากับลดค่าไฟฟ้าของบ้าน 26 หลัง ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 150 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปีและควบคุมการจ่ายพลังงานโดยอาคารควบคุมอัจฉริยะ (Smart Grid Building ) โดยพลังงานไฟฟ้าที่ได้จะนำมาเก็บในแบตเตอรี่เก็บประจุที่ผลิตจาก เซลล์แบตเตอรี่ของรถยนต์โตโยต้าไฮบริดที่ใช้แล้ว (re-use) แล้วทำการจ่ายไฟฟ้าไปใช้ในส่วนต่างๆ ได้แก่ไฟส่องสว่างเครื่องใช้ไฟฟ้าระบบปรับอากาศ
และ 5. การเดินทางอย่างยั่งยืน Sustainable Transportation ส่งเสริมการเดินทางที่ลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงด้วยการใช้พลังงานทดแทน เช่น รถยนต์ไฮบริด รถไฟฟ้าขนาดเล็ก การใช้จักรยาน และการเดิน ซึ่งในเมืองสีเขียวได้ส่งเสริมการใช้จักรยาน การใช้รถไฟฟ้าขนาดเล็ก HA :MO ในระบบ EV Car Sharing เป็นพาหนะในการเดินทางเชื่อมโยงระหว่างจุดท่องเที่ยวในอยุธยา ซึ่ง Toyota HA : MO จะถูกนำมาวิ่งเป็นต้นแบบแห่งที่ 2 ต่อจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยพลังงานไฟฟ้าที่นำมาใช้กับ Toyota HA : MO มาจากแผงโซล่าเซลล์เก็บประจุไฟฟ้าไว้ใน เซลล์แบตเตอรี่ของรถยนต์โตโยต้าไฮบริดที่ใช้แล้ว (re-use) โดยมีสถานีชาร์จไฟฟ้า 2 แห่งตั้งอยู่ที่ ณ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอยุธยา และหมู่บ้านญี่ปุ่น
สำหรับกิจกรรม ทริป Low Carbon กับโตโยต้าเมืองสีเขียว อยุธยา ในครั้งนี้ คณะสื่อมวลชนได้เริ่มต้นเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังศูนย์การเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมแห่งแรก ภายใต้ชื่อ "โตโยต้า เมืองสีเขียว อยุธยา" โดยรถยนต์คัมรี ไฮบริด ใหม่ที่สะท้อนให้เห็นถึงเทคโนโลยีรถยนต์ไฮบริดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีส่วนช่วยในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่น้อยกว่ารถปกติทั่วไป จากนั้นจึงได้เข้ามาเยี่ยมชม "โตโยต้า เมืองสีเขียว อยุธยา" นับเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมแห่งแรกนอกโรงงานของโตโยต้าโดยมีเจ้าหน้าที่จากโตโยต้าเป็นผู้ให้ข้อมูลความรู้แก่สื่อมวลชน นอกจากนี้ยังมีคนดังรักษ์โลกร่วมกิจกรรมตลอดทริปคือ "คุณกรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา" ได้ร่วมฟัง ศูนย์การเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมแห่งแรก ของโตโยต้า เดินชมห้องบอร์ดนิทรรศการที่นำเสนอเรื่องราวการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมของโลกในปัจจุบัน จากนั้นเดินเยี่ยมชมตามจุดต่างๆ ภายในศูนย์การเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมทั้ง 5 ด้านของโตโยต้า อันได้แก่ การอนุรักษ์น้ำ การเพิ่มพื้นที่สีเขียว การจัดการขยะ การลดการใช้พลังงานและการใช้พลังงานทางเลือก และการเดินทางอย่างยั่งยืน พร้อมกันนี้สื่อมวลชนและคุณกรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา ยังได้มีโอกาสร่วมทำกิจกรรมเวิร์คช็อปอย่างสนุกสนาน เพื่อประดิษฐ์สิ่งของเหลือใช้นำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เพื่อให้ทุกคนตระหนักและส่งเสริมความเข้าใจในองค์ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมของโตโยต้าอย่างครบถ้วน ทั้งนี้ยังได้ลงมือปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวตามหลักการปลูกป่านิเวศของศาสตราจารย์อากิระ มิยาวากิ โดยใช้พันธุ์ไม้ท้องถิ่น อาทิเช่น ยางนา คูณ กันเกรา ตะเคียน พยูง ฯลฯ การทดลองคัดแยกขยะอย่างถูกวิธีและนำขยะที่คัดแยกแล้วมารีไซเคิลโดยการประดิษฐ์โดยการประดิษฐ์เป็นของที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ในชีวิตประจำวัน ตลอดจนการทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก HA : MO ที่ใช้เชื่อมต่อโตโยต้าเมืองสีเขียว กับแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ในเมืองอยุธยาให้ทุกคนสามารถขับไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ เหล่านี้ได้
อย่างไรก็ตามโตโยต้า เมืองสีเขียว อยุธยา เปิดให้บริการทุกวัน สำหรับโซนสวนเปิดตั้งแต่เวลา 06.00-20.00 น. และโซนอาคารนิทรรศการเปิดบริการตั้งแต่ 10.00-17.00 น. โดยเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไป รวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้เข้ามาเรียนรู้วิธีการจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันและร่วมกันสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับทุกคน และถือเป็นจุดสนใจแห่งใหม่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit