โนวาวิด้าขานรับยุทธศาสตร์ไทยแลนด์เมดิคัลฮับ เปิด “ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก” รับ Fertility Tourism จากจีน เปิดแผนปี 62 เดินหน้าเต็มสูบด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและนวัตกรรม เซลล์บำบัดเป็นศูนย์ดูแลสุขภาพครบวงจรเต็มรูป พร้อมบุกตลาดตะวันออกกลางและ CLMV

11 Dec 2018
ทันทีที่รัฐบาลประกาศยุทธศาสตร์พัฒนาไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (พ.ศ. 2559-2568) และมุ่งสู่ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical & Wellness) ของโลกภายใน 10 ปี แวดวงตลาด ท่องเที่ยว เชิงสุขภาพของไทยก็เดินหน้าอย่างคึกคัก ไม่เพียงเพราะตลาดนี้มีเม็ดเงินกว่า 1.6 ล้านล้านบาท จากตัวเลขการศึกษาของ เดอะโกลบอล เวลล์เนส ทัวริซึ่ม อีโคโนมี (Global Wellness Tourism Economy 2017) แต่ยังเป็นโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทย เมื่อภาครัฐ ติดเครื่องยนต์ เอกชนก็เดินหน้าเต็มสูบ ทั้งในกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลและกลุ่มธุรกิจการดูแลสุขภาพด้วย แพทย์ทางเลือก
โนวาวิด้าขานรับยุทธศาสตร์ไทยแลนด์เมดิคัลฮับ เปิด “ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก” รับ Fertility Tourism จากจีน เปิดแผนปี 62 เดินหน้าเต็มสูบด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและนวัตกรรม เซลล์บำบัดเป็นศูนย์ดูแลสุขภาพครบวงจรเต็มรูป พร้อมบุกตลาดตะวันออกกลางและ CLMV

นายทวีศักดิ์ วยากรณ์วิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โนวาวิด้า อินเทอเกรทีฟ เมดิคอล เซ็นเตอร์ กล่าวว่า โนวาวิด้า อินเทอเกรทีฟ เมดิคอล เซ็นเตอร์ คืออศูนย์บูรณาการทางการแพทย์ หนึ่งในกลไก ที่พร้อมจะร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ของภาครัฐในการบุกตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งเป็นตลาดท่องเที่ยวที่ สดใสมาก

"ที่ผ่านมาของภาคท่องเที่ยวด้าน Medical & Wellness ของไทยเติบโตมาก เราเป็นอันดับ 4 ของเอเชีย รองจากจีน ญี่ปุ่น และอินเดีย และประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทาง ในการเข้ามารับบริการทางการแพทย์ ของนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีสถานพยาบาลของไทยได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) หลายแห่ง ด้วยบริการทางการแพทย์ของไทยมีชื่อเสียง ทั้งด้านคุณภาพและบริการ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการเติบโตของกลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพด้วยการแพทย์ทางเลือกไป พร้อมๆกัน เพื่อให้บริการกับนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอย่างครบวงจร โนวาวิด้า เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจแพทย์ ทางเลือกที่เราเปิดในรูปของ ศูนย์บูรณาการทางการแพทย์เพื่อดูแลรักษาสุขภาพแบบองค์รวมและชะลอวัย ซึ่งพร้อมให้การดูแลผู้มารับบริการด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมทันสมัยจากประเทศอิตาลี ภายใต้คอนเซ็ปต์ "New Life" โดยมี ศาสตราจารย์อีวาน ตอร์เรนเต้ (Prof.Yvan Torrente), MD.,Ph.D. แพทย์ Neurologist ผู้เชี่ยวชาญเป็นพิเศษด้านการบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell Therapy) และยีนบำบัด (Gene Therapy) จากมหาวิทยาลัย มิลาน ประเทศอิตาลี เป็นแพทย์ที่ปรึกษา โดย โนวาวิด้า เปิดให้บริการใน 2 ธุรกิจบริการหลัก คือ ศูนย์รักษา ผู้มีบุตรยาก (Fertility Center) ซึ่งบริการช่วยคู่สมรสที่ประสบปัญหาด้านการมีบุตรให้สามารถมีบุตรได้ง่ายขึ้น โดยมี ศ.นพ. สมบูรณ์ คุณาธิคม อดีตประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์เป็นแพทย์ที่ปรึกษา และมี พญ. กมลา เตชวิวรรธน์ เป็นแพทย์เฉพาะทางเป็นผู้ดูแลและให้คำแนะนำแก่ผู้รับบริการ ส่วนบริการที่ 2 คือ ศูนย์ชะลอวัยและฟื้นฟูเซลล์ (Anti-Aging & Cell Rejuvenation Center) ซึ่งเป็นการดูแลสุขภาพในระดับยีนที่ออกแบบมาสำหรับเฉพาะบุคคล (Personalize Medicine) เพื่อช่วย บำบัดฟื้นฟูผู้รับบริการให้กลับมีสุขภาพที่แข็งแรง และยังช่วยให้เกิดการชะลอวัย สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีสุขภาพดี"

โนวาวิด้า พร้อมเปิดให้บริการในส่วนของ ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพคลัสเตอร์ใหม่คือ Fertility Tourism ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ไปเปิดตลาดไว้ โดยเฉพาะที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีตัวเลขว่ามีคู่สมรสชาวจีนกว่า 90 ล้านคู่ ทั้งคู่สมรสใหม่และ คู่สมรสที่ต้องการลูกคนที่ 2 (หลังจากรัฐบาลจีนเปลี่ยนนโยบายอนุญาตให้มีลูกคนที่ 2) และหลังจากที่ โนวาวิด้า ได้ไปทำการตลาดที่จีนก็ได้รับความสนใจ และมีการติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และเรายังมีพบว่า คู่สมรสชาวจีนชื่นชอบการมาท่องเที่ยวประเทศไทย เพราะไทยมีชื่อเสียงด้านแหล่งท่องเที่ยว และเป็นที่ยอมรับในด้านมาตรฐานของคุณภาพและบริการทางการแพทย์ ซึ่งนักท่องเที่ยวคลัสเตอร์นี้ ททท. เคยประเมินว่าคู่สมรสแต่ละคู่จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ระหว่าง 500,000 – 1,500,000 บาทต่อทริป ตามระยะเวลาที่พำนักในประเทศไทย ซึ่งโนวาวิด้าตั้งเป้าว่าจะดึงนักท่องเที่ยว คลัสเตอร์นี้ มาใช้บริการของเราไม่ต่ำกว่า 400 คู่ต่อปี ซึ่งประมาณการรายได้ปีละ 200 ล้านบาท

นายทวีศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่าที่ผ่านมา โนวาวิด้า ได้ให้บริการส่วน ศูนย์ชะลอวัยและฟื้นฟูเซลล์ (Anti-Aging & Cell Rejuvenation Center) กับคนไทยเป็นส่วนใหญ่ ประกอบด้วย บริการด้านการดูแล สุขภาพระดับยีน ที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคล (Personalize Medicine) เช่น เซลล์บำบัด (Cell Therapy) โดย โนวาวิด้า มีห้องปฏิบัติการสเต็มเซลล์มาตรฐานสูงของเราเอง การรักษาโดยใช้ภูมิคุ้มกันบำบัดโรคมะเร็ง (Immunotherapy) ด้วย CAR T cells ซึ่งวิธีนี้สามารถรักษา ผู้ป่วยโรคมะเร็งร่วมกับการใช้เคมีบำบัดได้ โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ในปี 2562 โนวาวิด้า จะรุกตลาดต่างประเทศเป็นหลัก โดยมุ่งเน้นสินค้าและบริการ ที่เหมาะกับความต้องการ ของแต่ละประเทศ และจากที่เราทำการตลาดล่วงหน้า พบว่า ตลาดจีน ให้ความสนใจเรื่องศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ การรักษาโรคมะเร็ง , ภูมิคุ้มกันบำบัด และการชะลอวัย ด้วยสเต็มเซลล์ ส่วนตลาดตะวันออกกลาง ให้ความสนใจในเรื่องการชะลอวัย ด้วยสเต็มเซลล์ เป็นอันดับแรก รองลงมาคือการ รักษาโรคด้วยเซลล์ต้นกำเนิด และการดูแลสุขภาพและ ความงาม ส่วนกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา,ลาว, เมียนมาร์,เวียดนาม) ซึ่งเป็นตลาดเพื่อนบ้านที่อนาคตสดใส ให้ความสนใจในกลุ่มบริการด้าน ความงามเป็นอันดับแรก รองลงมาคือการดูแลสุขภาพด้วยเซลล์ต้นกำเนิด

อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่ โนวาวิด้า เน้นย้ำและให้ความสำคัญมาก ก็คือ โนวาวิด้า เกิดจากผู้ก่อตั้งคือ นายทวีศักดิ์ ซึ่งทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ไม้และทำงานหนักจนสุขภาพทรุดโทรม จึงตัดสินใจเข้ารับการรักษาด้าน เซลล์บำบัด (Cell Therapy) เพื่อดูแลสุขภาพกับ ศาสตราจารย์อีวาน ตอร์เรนเต้ จากมหาวิทยาลัยมิลาน ประเทศอิตาลี เมื่อตนเองรักษาได้ผลและมีสุขภาพดีขึ้น จึงเกิดความสนใจศึกษาแบบจริงจัง โนวาวิด้า จึงกำหนดวิสัยทัศน์นอกเหนือความเป็นธุรกิจไว้ 2 ประการคือ คนไทยควรมีโอกาสได้รับบริการทางการแพทย์ที่ดี ทั้งการป้องกันและการบำบัดรักษา และประการที่ 2 คือ ต้องเกิดการต่อยอดในงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรม เซลล์บำบัดในประเทศไทย จึงเกิดเป็นความร่วมมือด้านวิชาการระหว่าง โนวาวิด้า กับสถาบันการ ศึกษาชั้นนำ ของไทย คือ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ,วิทยาลัยนาโนเทคโนโลยี พระจอมเกล้า ลาดกระบัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ,สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อให้เกิดงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยที่เป็นของคนไทย และ โนวาวิด้า ยังให้การสนับสนุนงานวิจัยของ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย อีกด้วย

"หากเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์เกิดจากการงานวิจัยที่เป็นของคนไทยและสถาบัน การศึกษาไทยบ้าง เชื่อว่าต้นทุนในการรักษาจะถูกลง คนไทยควรมีโอกาสเข้ารับบริการทางการแพทย์ ที่ดีที่ทันสมัยในราคาไม่เกินเอื้อม และการต่อยอดงานวิจัยกับแวดวงวิชาการไทยคือหนทางหนึ่งที่ ทำให้เป็นไปได้ โดยโนวาวิด้าพร้อมจะให้สนับสนุนและร่วมมือกับสถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อต่อยอดงานวิจัยและพัฒนานวตกรรมทางการแพทย์ต่อไป" นายทวีศักดิ์กล่าวทิ้งท้าย

HTML::image( HTML::image( HTML::image(