(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 14.41 น. ของวันที่ 25/12/61)
แนวโน้มวันที่ 26 ธันวาคม 2561
ภาวะชัตดาวน์บางส่วนของรัฐบาลสหรัฐ จากความขัดแย้งทางการเมืองเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของปธน.ทรัมป์สำหรับงบสร้างกำแพงตามแนวชายแดน ยังยืดเยื้อและไม่มีสัญญาณความพยายามที่เป็นรูปธรรมในการกลับมาเปิดดำเนินการหน่วยงานต่างๆ อีกครั้ง ความขัดแย้งทางการเมืองของสหรัฐสร้างความวิตกให้กับนักลงทุนเมื่อรัฐบาลสหรัฐเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์ตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันเสาร์ที่ 22 ธ.ค.ตามเวลาไทย หลังจากวุฒิสภาสหรัฐไม่อนุมัติร่างกฎหมายที่บรรจุงบประมาณสำหรับก่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ จนสร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกจนดันราคาทองคำให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาวุฒิสภาสหรัฐจะมีการประชุมในวันพฤหัสบดีที่ 27 ธ.ค. อีกครั้ง เพื่อหาสัญญาณความคืบหน้าเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ขณะที่ทำเนียบขาวและธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)เผชิญหน้ากันอย่างเปิดเผยหลังปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ได้หารือเป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการปลดประธานเฟด นอกจากนี้ปธน.ทรัมป์ ยังวิจารณ์ เฟดอย่างต่อเนื่อง และ ระบุว่า เฟดเป็น "ปัญหาเพียงประการเดียว" สำหรับเศรษฐกิจสหรัฐ อีกทั้งยังมีการเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งที่ชัดเจนมากขึ้น ประกอบกับ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเผชิญแรงเทขายอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนี S&P 500 ทรุดลงเกือบ 15% ในเดือนธันวาคม ,ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลงไปแตะระดับ 21,792.20 จุด ซึ่งเป็นการปรับลดลงมากที่สุดตั้งแต่วิกฤติหนี้สินของกลุ่มประเทศยุโรปในปี 2554 ขณะที่ดัชนีความผันผวนของตลาดวอลล์สตรีท ซึ่งวัดความผันผวนของหุ้นและเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุน ดีดขึ้นสู่ 36.10 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. และดัชนีพุ่งขึ้นในช่วงสั้นๆสูงถึง 50.30 ส่วนดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดดิ่งลง แตะระดับต่ำสุดแตะระดับต่ำสุดในรอบ 20 เดือน ตามแรงกดดันจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ร่วงหนักอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและตลาดหุ้นในหลายประเทศที่อ่อนตัวลง หนุนราคาทองปรับขึ้นสู่ระดับสูงสุดรอบ 6 เดือน สำหรับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงนี้วายแอลจียังเชื่อว่าจะเคลื่อนไหวไม่มากนักเพราะหลายๆ ตลาดหยุดทำการในวันคริสต์มาส(25 ธันวาคม) ทั้งตลาดออสเตรเลีย, ฮ่องกง, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย,สิงคโปร์,ฝรั่งเศส,เยอรมนี,สหรัฐและอังกฤษ นอกจากนี้บางประเทศปิดทำการต่อเนื่องในวัน Boxing Day (26 ธันวาคม) ซึ่งกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำอาจแคบลบเมื่อเข้าสู้ช่วงเทศกาลปีใหม่ และวันหยุดยาวในช่วงปลายปี
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำยังมีการเคลื่อนไหวในกรอบและราคาทองคำคาดว่าเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway Up ซึ่งยังมีโอกาสทดสอบแนวต้านต่อไปที่ 1,278 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยความผันผวนของราคาและการแกว่งตัวของราคาอาจลดลงจากช่วงที่ผ่านมา โดยให้เน้นไปที่การลงทุนระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,249 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเมื่อราคามีการปรับตัวสูงขึ้นนักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้างเพื่อลดความเสี่ยง แต่สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อเพื่อทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไป
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,260 (19,350บาท) 1,249 (19,150บาท) 1,237 (19,000บาท)
แนวต้าน 1,278 (19,650บาท) 1,287 (19,800บาท) 1,296 (19,950บาท)
GOLD FUTURES (GFZ18)
แนวรับ 1,260 (19,510บาท) 1,249 (19,340บาท) 1,237 (19,160บาท)
แนวต้าน 1,278 (19,800บาท) 1,287 (19,940บาท) 1,296 (20,080บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit