นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รองประธานคณะกรรมการนโยบายป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ คนที่สอง ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 28 ธันวาคม 2561 ซึ่งเป็นวันที่สองของการรณรงค์ "ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร" เกิดอุบัติเหตุ 570 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 56 ราย ผู้บาดเจ็บ 592 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 38.95 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 28.60 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 76.68 รถปิคอัพ 7.72 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 66.67 บนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 42.11 ถนน ใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 33.86 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 28.77 ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,049 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 66,128 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 749,821 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 145,636 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 42,841 ราย ไม่มีใบขับขี่ 38,912 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (19 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ และสมุทรปราการ (จังหวัดละ 4 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา (20 คน) สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 2 วัน (27 - 28 ธ.ค.61) เกิดอุบัติเหตุรวม 990 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 98 ราย ผู้บาดเจ็บ รวม 1,024 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 31 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (33 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ขอนแก่น เชียงใหม่ และลพบุรี (จังหวัดละ 5 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ และนครราชสีมา (จังหวัดละ 35 คน)
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ กล่าวว่า แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดวันแรกของเทศกาลปีใหม่ 2562 ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เดินทางถึงที่หมายแล้ว ในขณะที่บางส่วนยังอยู่ระหว่างการเดินทาง ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้เน้นย้ำจังหวัด ให้ความสำคัญกับการดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนทั้งถนนสายหลักและสายรอง เน้นการเฝ้าระวังจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ ทั้งจุดตัดทางรถไฟ ทางลักผ่าน ทางแยก ทางร่วม รวมถึงเข้มงวดการจอดรถบนไหล่ทางที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ อีกทั้งเพิ่มความถี่ในการเรียกตรวจความพร้อมของผู้ขับขี่ในเส้นทางตรงที่มีระยะทางยาว เพื่อป้องกันการง่วงหลับใน กำชับจุดตรวจ ด่านตรวจ บังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เน้นกวดขันรถจักรยานยนต์ ผู้ที่ดื่มแล้วขับและขับรถเร็ว เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุรุนแรง ตลอดจนขอความร่วมมือผู้ประกอบการรถเช่าตรวจสอบใบอนุญาตขับรถของนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ควบคู่กับ การประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศรับทราบ และปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด
นายปวิณ ชำนิประศาสน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มงานภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้กำชับจังหวัดบูรณาการทุกภาคส่วนทั้งฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร และภาคประชาชน ดำเนินงานลดอุบัติเหตุทางถนนให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และสถานการณ์อุบัติเหตุ เน้นการดูแลจุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยให้จังหวัดเพิ่มความเข้มข้นการเรียกตรวจของด่านชุมชน เพื่อป้องปรามและสกัดกั้นผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ทั้งการเมาแล้วขับ ขับรถเร็ว และไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย ทั้งนี้ ในบางพื้นที่เริ่มมีการเฉลิมฉลองแล้ว จึงได้กำชับจังหวัดเพิ่มความเข้มข้นการดูแลเส้นทางโดยรอบพื้นที่จัดงานเฉลิมฉลอง และดูแลบริเวณสถานที่จัดงานให้มีความปลอดภัย
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุสูงสุด เกิดจากการดื่มแล้วขับ และขับรถเร็ว ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน จึงได้สั่งการให้จังหวัดเข้มข้นดำเนินมาตรการป้องกันในมิติเชิงพื้นที่ เน้นการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ขับขี่ที่ใช้ความเร็วเกินกำหนด ดื่มแล้วขับ และกลุ่มผู้ใช้3รถจักรยานยนต์ที่ไม่สวมหมวกนิรภัย และคุมเข้มการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ ในช่วงวันที่ 29 ธันวาคม 2561 – 2 มกราคม 2562 ประเทศไทยจะมีฝนฟ้าคะนอง และฝนตกหนักบางพื้นที่ ทำให้สภาพถนนเปียกลื่น และทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน จึงขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษ โดยไม่ขับรถเร็ว เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ หากประสบหรือพบเห็นอุบัติเหตุ สามารถแจ้งเหตุได้ทาง สายด่วนนิรภัย 1784 หรือสายด่วน 1669 เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป