นายพรเทพ ชูพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) กล่าวว่า กระแสการลงทุนเปลี่ยนทิศ แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่โดดเด่นในปี 2561 จะลดความร้อนแรงลง คาดนักลงทุนเปลี่ยนมาสนใจตลาดเกิดใหม่แทน หลังความเสี่ยงฟองสบู่ลดลง คาดสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ยของเฟดส่งผลดอลลาร์หยุดแข็งค่า ซึ่งดีต่อหุ้นตลาดเกิดใหม่ด้วย ส่วนช่องว่างการเติบโตที่แคบลงระหว่างเศรษฐกิจสหรัฐฯ กับตลาดเกิดใหม่จะดึงดูดให้กระแสเงินทุนเปลี่ยนทิศมาทางภูมิภาคนี้ด้วย ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจโลก แม้เติบโตในอัตราชะลอตัวลง แต่ก็เป็นการเข้าสู่ระดับค่าเฉลี่ยระยะยาว ไม่ใช่วิกฤตเศรษฐกิจ ส่วนสงครามการค้า แม้มีผลให้คำสั่งซื้อสินค้าส่งออกชะลอลงทั้งจีนและสหรัฐฯ แต่ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการทั้งหมดทั่วโลกยังอยู่สูงกว่าระดับ 50จุด บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องแม้จะชะลอตัวลงบ้าง
สถานการณ์ตลาดหุ้นทั่วโลกช่วงที่ผ่านมาเป็นการพักฐาน หรือ Correction ในระยะสั้น เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจและการเติบโตของกำไรบริษัทไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก โดยความกังวลหลักๆ มาจากเรื่องสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน, ความไม่แน่นอนของข้อตกลง Brexit, และการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่หลายฝ่ายมองว่าขึ้นมามากเกินไป อย่างไรก็ตาม ความกังวลเหล่านี้มีแนวโน้มดีขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยจีน-สหรัฐฯ จะมีการเจรจากันในต้นเดือน ม.ค. หลังจากสงบศึกการค้าไปก่อนหน้านี้ ส่วนสภาผู้แทนอังกฤษจะมีการลงมติเลือกแนวทาง Brexit ซึ่งจะทำให้มีความชัดเจนมากขึ้น ในขณะที่ Fed ส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในปี 2562 ทั้งหมดนี้จะช่วยลดความกังวลต่อความเสี่ยงหลังๆ ลงได้มาก ทำให้ปัจจัยภายนอกที่กดดันตลาดเกิดใหม่ค่อยๆ คลี่คลายลง
สำหรับประเทศไทย SCBS มองเศรษฐกิจรับอานิสงค์วัฏจักรการลงทุนขาขึ้น เห็นได้จากผลการสำรวจภาวะและแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อจากธปท.ล่าสุดแสดงให้เห็นว่าสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น การลงทุนในประเทศฟื้นตัวดีมีแนวโน้มที่จะส่งผลดีต่อเนื่องไปถึงกลุ่มธนาคาร มองไปข้างหน้า ภาวะและแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อสำหรับไตรมาส 4 ปี 2561 เริ่มเห็นความต้องการสินเชื่อจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกๆ ประเภท ทั้งสินเชื่อระยะยาว/ระยะสั้นสำหรับธุรกิจทุกขนาดและสินเชื่อภาคครัวเรือนทุกประเภท ส่วนกรณีที่ กนง. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 1.75% ตามคาดไปแล้วเมื่อเดือน ธ.ค. ก็สอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 4 เดือน ต.ค. และ พ.ย. ที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ทั้งการบริโภคในประเทศ การลงทุน และจำนวนนักท่องเที่ยวที่กลับมาขยายตัวเป็นบวกในเดือน พ.ย. จากนักท่องเที่ยวมาเลเซีย และอินเดียที่เติบโตดี และนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัว คาดดอกเบี้ยไทยยังมีโอกาสปรับขึ้นอีก 1-3 ครั้งในปี 2562 ตามมุมมองวัฏจักรการลงทุนและดอกเบี้ยขาขึ้น
ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุนกลุ่มที่มีแนวโน้มสดใสในปี 2562 ไตรมาสแรกจะมาจาก 2 แนวโน้มหลัก ได้แก่ กลุ่มแรก แนวโน้มที่ดำเนินต่อเนื่องมาจากช่วงก่อนหน้า ได้แก่ วัฎจักรการลงทุนรอบใหม่ (กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม) และวัฎจักรการขึ้นอัตราดอกเบี้ย (กลุ่มธนาคาร) ซึ่งได้รับการยืนยันจาก FDI ที่แข็งแกร่ง อัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นทะลุ 70% ในเดือน พ.ย. และสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยของ กนง. และ กลุ่มที่สอง ตามแนวโน้มที่กำลังมาใหม่ คือวัฎจักรอุณภูมิน้ำทะเลซึ่ง NOAA ของสหรัฐฯ มองว่าโลกกำลังจะเข้าสู่ภาวะ El Nino อ่อนๆ ซึ่งมักส่งผลดีต่อต้นทุนปลาทูน่าจะมีราคาถูกลงขณะที่ส่งผลให้ราคาหมูเพิ่มขึ้น ดังนั้น ธีมการลงทุนในไตรมาสแรกปี 2562 หุ้น top picks กลุ่มที่น่าจับตามองได้แก่ กลุ่มธุรกิจหมูและธุรกิจทูน่า (CPF TU) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (ROJNA WHA) และ กลุ่มธนาคาร (BBL KTB)
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit