ดร. สาธิต วิทยากรบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC เปิดเผยว่า PRINC มีแผนขยายธุรกิจไปสู่เฮลท์แคร์อย่างเต็มที่ ซึ่งปัจจุบันธุรกิจหลักของ PRINC มาจากธุรกิจด้านเฮลท์แคร์ โดยคิดเป็นรายได้ถึง 80% ของรายได้รวม โดยใส่ส่วนของธุรกิจเฮลท์แคร์นั้น ดำเนินการผ่าน บริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด บริษัทย่อยในเครือPRINC ซึ่งปัจจุบัน "พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์" มีโรงพยาบาลในเครือ 7แห่งใน 6 จังหวัดของประเทศไทย ได้แก่ โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ 1 และ 2 โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี โรงพยาบาลพิษณุเวช โรงพยาบาลพิษณุเวช อุตรดิตถ์ และโรงพยาบาลสหเวช มีแผนที่จะเพิ่มโรงพยาบาลเครือข่าย เป็น 20 แห่ง ภายในปี 2566 โดยแผนการเติบโตจะเป็นการเติบโตจากการควบรวมกิจการในโรงพยาบาลระดับจังหวัด ซึ่งจะเน้นจังหวัดรองที่ยังไม่มีโรงพยาบาลเอกชน เพื่อเพิ่มทางเลือกในการรักษาพยาบาลให้แก่ประชาชนในจังหวัดรองมากขึ้น โดยโรงพบาบาลในเครือ "พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์" จะเป็นโรงพยาบาลขนาดกลาง 60เตียง แต่มีเป้าหมายที่จะเป็นโรงพยาบาลที่มีความทันสมัย มีความพร้อมที่จะยกระดับระบบฐานข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบของดิจิทัลเพื่อรองรับการเข้าสู่เทคโนโลยียุค 5G ที่จะเข้ามาในเร็วๆนี้ โดยปัจจุบันทุกโรงพบาบาลในเครือได้ปรับเปลี่ยนระบบฐานข้อมูลทุกอย่างให้อยู่ในรูปแบบคลาวด์ มีการเชื่อมข้อมูลประวัติคนไข้ด้วยระบบดิจิทัล ทำให้การรักษาพยาบาลมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน "พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์" ถือเป็นเครือโรงพยาบาลแห่งแรกที่นำฐานข้อมูลทุกอย่างเข้าไปอยู่ในระบบคลาวด์
นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับระบบด้านการพัฒนาศักยภาพบุคลากร ซึ่งล่าสุดได้ติดตั้งระบบการบริหารทุนมนุษย์ประสิทธิภาพสูง (Workday Human Capital Management : HCM) ซึ่งเป็นเทคโลโลยีคลาวด์จากเวิร์กเดย์ เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและยกระดับประสบการณ์บริการด้านสุขภาพแก่ผู้รับบริการทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ซึ่งการเลือกใช้ระบบ HCM นี้จะทำให้ พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ เป็นเครือข่ายบริษัทแรกในธุรกิจเฮลท์แคร์ของประเทศไทยที่ใช้เทคโนโลยีคลาวด์เพื่อการบริหารจัดการทุนมนุษย์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานสู่ระบบดิจิทัล (Digital Transformation) ในรูปแบบของแอพพลิเคชั่น ที่สามารถปรับระบบการลงเวลาเข้างานของพนักงานให้ง่ายขึ้นด้วยการลงเวลาผ่านแอพพลิเคชั่น หรือการยื่นเอกสารลางาน การขอแลกเวร การแจ้งคำสั่งงานต่างๆ รวมถึงมีระบบช่วยประเมินพนักงานล้วนสามารถทำได้ผ่านแอพพลิเคชั่น
"เรามองว่าในอีก 5-10 ปี เทคโลโลยี 5G จะเข้ามามีบทบาทต่อการรักษาพยาบาลอย่างมาก เพราะจะทำให้การส่งไฟล์ขนาดใหญ่ เช่นไฟล์เอกซเรย์ หรือข้อมูลคนไข้ รวมถึงสามารถทำการรักษาออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นบริษัทจึงได้เริ่มจากการเอาฐานข้อมูลเข้าไปอยู่ในระบบคลาวด์ เพราะธุรกิจด้านเฮลท์แคร์เป็นธุรกิจที่มีฐานข้อมูลจำนวนมหาศาลทั้งฐานข้อมูลคนไข้และการจัดการข้อมูลด้านบุคลากร ซึ่งเบื้องต้นเราได้เห็นถึงการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญในด้านการทำงานที่เกี่ยวข้องกับพนักงานและกระบวนการบริหารจัดการของเราอย่างจริงจัง ทั้งยังมีความโปร่งใสและการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยธุรกิจที่แตกต่างกันมากยิ่งขึ้น และในอนาคตจะพัฒนาการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลไปสู่การจัดการด้านต่างๆ ให้ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อตอบรับกับวิสัยทัศน์ขององค์กรในการนำเทคโนโลยีเข้ามาขับเคลื่อนธุรกิจนั่นเอง หากเราสามารถบริหารด้านทรัพยากรบุคคลได้มีประสิทธิภาพก็จะทำให้บุคลากรสามารถนำเวลาไปพัฒนาศักยภาพของตนเองได้เต็มที่ซึ่งจะสะท้อนออกมายังงานด้านบริการ " ดร. สาธิต กล่าว
เจซี่ ฟอน กรรมการผู้จัดการ เวิร์กเดย์ เซาท์อีสต์เอเชีย ในฐานะผู้ให้บริการระบบบริหารทรัพยากรบุคคลด้วยเทคโนโลยีคลาวด์กล่าวว่า "การแข่งขันแย่งชิงผู้มีความสามารถในอุตสาหกรรม เฮลท์แคร์กำลังทวีความดุเดือด รวมถึงการย้ายตำแหน่งงานของพนักงานในอัตราสูง ทำให้การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลในปัจจุบันยิ่งมีความซับซ้อนมากขึ้น โซลูชั่นระบบการบริหารทุนมนุษย์ประสิทธิภาพสูงของเวิร์กเดย์ช่วยให้พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ ด้วยวิธีการทำงานของแอปคลาวด์จากเวิร์กเดย์ สามารถปลดล็อกองค์ความรู้เชิงลึกในเรื่องพนักงาน เพื่อสร้างการตัดสินใจจากข้อมูลได้อย่างรอบคอบ พร้อมกับการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์และผู้มีความสามารถได้ในระดับสูงสุด"
เวิร์กเดย์ ได้เปิดสำนักงานในประเทศไทยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ขยายการเติบโตระดับสากลเพื่อสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็งในภูมิภาคเอเชีย ตลอดจนนำเสนอการบริหารจัดการทุนมนุษย์ การบริหารการเงิน และระบบการวิเคราะห์ตลาดใหม่
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit